หลวงพ่อคูณ เกจิดังแห่งที่ราบสูง

หลวงพ่อคูณ เกิดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2466 ที่บ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนา บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาคือ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน ชีวิตในวัยเด็ก 3 พี่น้อง ต้องในความอุปการะของน้าสาว เพราะบิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่ลูกๆ ยังเด็ก
วัยเยาว์ หลวงพ่อคูณ เรียนหนังสือ กับพระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หล ทั้งภาษาไทย และภาษาขอม สอนวิชา คาถาอาคม ต่อมาอุปสมบท ณ วัดถนนหักใหญ่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ได้รับฉายาว่า ปริสุทโธ โดยฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ ก่อนที่หลวงพ่อแดง จะพาไปฝากตัวเป็น ลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร และออกธุดงค์จาริกฝึกปฏิบัติธรรม ไปถึงลาว และกัมพูชา ก่อนกลับบ้านเกิดที่บ้านไร่
หลวงพ่อคูณ เป็นเกจิดัง ที่ถูกเรียกขานว่า เทพเจ้าแห่งที่ราบสูง เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในเมืองไทย และหลายประเทศ ชื่อหลวงพ่อคูณ เป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อคราวโรงแรมโรยัลพลาซ่ากลางเมืองโคราชถล่มในปี 2536 เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกคานซีเมนต์ หักทับร่างกายท่อนล่าง ก่อนจะได้รับการช่วยชีวิตออกมา ให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า เมื่อเธอสิ้นหวัง เห็นหลวงพ่อคูณมาหา และได้กราบท่าน ก็รอดชีวิต ที่สำคัญเธอห้อยพระหลวงพ่อคูณ สิ่งนี้สร้างกระแสไปทั่วประเทศ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมายังวัดบ้านไร่ เพื่อหาวัตถุมงคลทุกอย่างของหลวงพ่อคูณ ที่ทำออกมาหลายรุ่น รวมถึงท่านั่งยองๆ และท่าสูบยา ซึ่งหลวงพ่อคูณฯ ให้เหตุผลว่า เป็นท่าที่สบายที่สุด และเป็นลักษณะของคนเตรียมพร้อม ที่จะลุกเดินไปไหนมาไหนได้ทันที
แต่สิ่งที่หลวงพ่อคูณ บอกกับลูกศิษย์และผู้ศรัทธาคือ เมื่อมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อคูณติดตัวให้ภาวนา "พุทโธ" ทำจิตให้แน่วแน่ ละเว้นถ้อยคำด่าทอ ไม่ผิดสามี-ภรรยาผู้อื่น เพราะหากมีใจอยู่กับ พุทโธ แล้ว หลวงพ่อคูณ บอกว่า นั่นหมายถึงใจเป็นสมาธิจะช่วยปกป้องคุ้มครอง ได้ดียิ่งกว่า มีวัตถุมงคลใด ๆ ในโลก
หลวงพ่อคูณเป็นคนยากจนมาโดยกำเนิด จึงเป็นคนเรียบง่าย และต้องการช่วยเหลือคน จัดสร้างโรงพยาบาล และโรงเรียนหลายแห่ง ไม่นับการบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อหลวงพ่อคูณ ทำพินัยกรรมเมื่อปี 2543 ขออุทิศร่างกายให้แก่มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังมรณภาพ เพื่อให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ นำไปศึกษาค้นคว้า ส่วนพิธีกรรมทางศาสนา ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ที่คณะแพทยศาสตร์เป็นเวลา 7 วัน ส่วนพิธีบำเพ็ญกุศลเมื่อสิ้นสุดการศึกษาค้นคว้าก็ให้ทำอย่างเรียบง่าย ละเว้นการสมโภชน์ใด ๆ และห้ามขอพระราชทานเพลิงศพ หรือ พระราชพิธีอื่นเป็นกรณีพิเศษเป็นการเฉพาะ ส่วนอัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารให้นำไปลอยที่แม่น้ำโขง