svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ชาวนครปฐมกว่า 3 หมื่น แสดงพลังค้านย้าย-ยุบพิพิธภัณฑ์

11 พฤษภาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นครปฐม 11 พ.ค. 58 - คลื่นมหาชนชาวนครปฐมกว่า 30,000 คน ตบเท้าแสดงพลังคัดค้าน การเคลื่อนย้าย-ยุบพิพิธภัณฑ์

ความคืบหน้ากรณีอธิบดีกรมศิลปากร บัญชาให้สำรวจ และทำบัญชีวัตถุโบราณ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ เพื่อเคลื่อนย้ายวัตถุโบราณต่างๆ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ไปรวมไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แล้วให้ยุบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ โดยอ้างถึงเรื่องความปลอดภัย สถานที่คับแคบไม่สามารถขยายได้ และการเจริญก้าวหน้าของข้าราชการ ทำให้คนนครปฐมไม่พอใจอย่างยิ่ง จนเป็นที่มาของการรวมตัวของกลุ่มนักวิชาการ นักอนุรักษ์อิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกระดับในจังหวัดนครปฐม ร่วมกับ กลุ่มรักปฐมนครเพื่อคัดค้าน และทวงคืนวัตถุโบราณ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ แม้นว่าอธิบดีกรมศิลปากรจะออกมายืนยันว่าไม่ได้เคลื่อนย้ายหรือยุบ เป็นเพียงขั้นตอนการดำเนินการหารือเท่านั้น ก็ยังไม่สร้างความสบายใจให้แก่คนนครปฐมและยังคงปักหลังล่าลายชื่อคัดค้านอยู่ข้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ทุกวัน

ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (11 พ.ค.) ที่บริเวณลานจอดรถข้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ นายสมชาย รัตนอารี ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดประชานารถ อ.นครชัยศรี รองประธานกลุ่มรักปฐมนคร แกนนำพร้อมคณะ ได้ตั้งเวทีปราศัย ประชาสัมพันธ์ให้คนนครปฐม เห็นความสำคัญเกี่ยวกับวัตถุโบราณและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ที่ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ ตั้งแต่ พ.ศ.2514 และเชิญชวนให้มาร่วมลงชื่อคัดค้าน เคลื่อนย้าย วัตถุโบราณ และยุบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ไปรวมกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

นายสมชาย รัตนอารี กล่าวว่า ขณะนี้ได้รวบรวมลายชื่อประชาชนได้มากอยู่ และคาดว่าน่าจะได้มากกว่า 50,000 รายชื่อก่อนวันที่ 22 พฤษภาคม เพื่อนำไปประกอบการร้องศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้ศาลคุ้มครองคำสั่งอธิบดีกรมศิลปากร ที่ให้สำรวจและเคลื่อนย้ายวัตถุโบราณ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ไปรวมไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี และยุบพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ และยังไม่รวมถึงการที่ยืมวัตถุโบราณของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ไปแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง กลับมาด้วย

นายสมชาย กล่าวว่า การที่อธิบดีกรมศิลปากร สร้างประวัติศาสตร์ให้เกิดขึ้นในถิ่นเมืองนครปฐม ด้วยการออกคำสั่งอัปยศนี้ ทางตรงข้ามทำให้เกิดความตื่นตัวของคนนครปฐม ถึงการหวงแหนวัตถุโบราณ และตระหนักรักบ้านเกิด เป็นคลื่นความคิดที่ตื่นตัวของกลุ่มพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอื่นให้เกิดการตื่นตัว เกรงว่าจะถูกยุบแล้วนำวัตถุโบราณไปรวมไว้ในคลังกลาง

วันนี้แม้นจะมีคนมาพูดว่าทำไปเพื่ออะไร ตั้งเวทีพูดให้เก้าอี้นั่ง ผมก็จะยังคงทำเพื่อจุดประกายให้รู้ตื่น ว่าคนนครปฐมต้องทำอะไรบ้างต่อไปนี้ กลุ่มรักปฐมนครเราตระหนักในหน้าที่ตาม กฏ กติกา ให้ความรู้ ไม่ปลุกปั่น เราทำตามระเบียบมีการขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย ให้เกิดความชัดเจน

นายสมชาย กล่าวต่ออีกว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ เจ้าหน้าที่ไม่เจริญก้าวหน้า หรือไม่มีคนเข้าชม น่าจะประเมินบุคลากรของคุณมากกว่า การที่จะมายุบ-ย้ายพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ของพวกเรา อธิบดีกรมศิลปากรต้องออกมาขอโทษคนครปฐมได้ไหม ขณะที่มีคนพยายามกล่าวหาว่าเป็นเรื่องการเมือง เราบอกได้เลยว่าเราไม่ใช่การเมือง เราอยู่ในระเบียบ การขึ้นเวที่ปราศัยข้อมูอมูลต่างๆที่พูดเป็นการให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ยุยงปลุกปั่น

ด้านนายสุธี ศรีเบญจโชติ ประธานกรรมการพิพิธภัณฑหุ่นขี้ผึ้งไทย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม กล่าวถึงการที่อธิบดีกรมศิลปากรจะย้ายพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ เป็นสถานที่เก็บรักษาและแสดงโชว์วัตถุโบราณ ที่ขุดพบในจังหวัดนครปฐม ก็สมควรที่จะอยู่ที่นครปฐม การพัฒนาเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เกิดรูปธรรม หากจะเปรียบเทียบกับเอกชนนั้น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ มีคุณค่ามากกว่า วัตถุต่างๆของจริงทั้งนั้น การบริหารจัดการต้องสอดรับกับสภาวะปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความก้าวหน้า และว่าเห็นดีด้วยกับการที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะเข้ามาร่วมในการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ให้คนรู้จักมากกว่าที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม มีการตั้งเวทีขนาดใหญ่ 20 เมตร มีจอแอลอีดี ฉายภาพรายการกระจกหกด้านที่แสดงถึงที่มาของนครปฐม และเครื่องเสียงขนาดใหญ่ มีสมาชิกฯขึ้นเวลทีให้ความรู้เรื่องความเป็นมาของเมืองเก่านครปฐม และการขุดพบวัตถุโบราณต่างๆในพื้นที่นครปฐม โดยนายกองโท พเยาว์ เนียะแก้ว อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม จะขึ้นพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในเวลา 19 .00 น.พร้อมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม เพื่อกล่าวคำปฎิญาณที่จะรักษาวัตถุโบราณและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์

ต่อมาเวลา 17.30 น. นายประเชิญ คณเทศ นักวิชาการโบราณคดี ได้ ขึ้นเวทีให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ และเชิดชูมรดกทางวัฒนธรรม อดีตเลิศล้ำ ปัจจุบันมากค่า ภูมิปัญญาพลเมือง เพื่อปลุกกระแสให้เกิดการคัดค้าน การย้ายพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์และรักษาคุณค่าไว้ให้เป็นอนุสรณ์ ศรีทวารวดีเป็นมิ่งขวัญสถิตคู่องค์พระปฐมเจดีย์ ตนเเองเป็นคนอู่ทอง จ.สุพรรณบุรี แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่จะย้ายพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ไปรวมที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทองเด็ดขาด เพราะการที่จะย้ายพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์นั้นไม่ถูกต้อง อาจจะถูกใจใครบ้างคน แต่สำหรับผมนั้นการทำอะไรเพื่อให้ถูกใจใครบางคน แต่ไม่ถูกต้องนั้นคงเป็นไปไม่ได้

ขณะที่น.ส.อรปรียา อิมิทิน อายุ 12 ปี นัเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนสิรินธรราชวทยาลัย อ.เมือง จ.นครปฐม กล่าวว่า ตนเป็นเด็กบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร มาเรียนที่โรงเรียนสิรินธร เคยเข้าชมพิพิธภัณฑฯหลายที่แต่ละที่มีสิ่งของที่มีค่า มีประวัติศาสตร์ของตัวมันเอง ในเมื่อพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ สิ่งของต่างๆที่อยู่ในนั้น ทราบว่าเป็นการขุดพบในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ก็น่าจะให้คงอยู่ที่นครปฐม มากกว่าจะเคลื่อนย้ายไปที่อื่น

ขณะที่บริเวณรอบองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม เต็มไปด้วยพี่น้องประชาชน มาร่วมลงชื่อคัดค้าน และรอฟังการปราศัยพูดคุย เล่าเรื่องเมืองนครปฐม จากอาจารย์เด่นศิริ ทองนพคุณ อาจารย์ประเชิญ คณเทศ และอาจารย์สมชาย รัตนอารี ที่ขึ้นเวทีให้ความรู้เรื่องนครปฐม และทวารวดี และการตื่นของคนนครปฐม เป็นที่มาของการรวมกลุ่มรักปฐมนคร ขึ้น เพื่อปกป้องวัตถุโบราณ และปกป้องพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ รวมถึงศักดิ์ศรีของคนนครปฐม ที่ถูกอธิบดีกรมศิลปากรย่ำยี ด้วยการออกคำสั่งที่อัปยศ

นายสมชาย รัตนอารีย์ ผอ.โรงเรียนวัดประชานาถ และประธานออมทรัพย์ครูนครปฐม ได้ขึ้นมากล่าวถึงที่มาที่ไปของและความเป็นมาของการทราบเรื่องคำสั่งย้ายพิพิธภัณฑ์ อีกทั้งการที่อดีตนายกอบจ.นครปฐม ได้เข้ามามีส่วนร่วมการคัดค้านในฐานะภาคประชาชนเต็มตัว นอกจากนี้แล้ว ประธานออมทรัพย์ครูยังกล่าวต่ออีกว่า การออกคำสั่งของท่านอธิบดีในครั้งนี้ยังทำให้ อบจ.ซึ่งเป็น อปท.ทนไม่ได้เปิดประชุมวิสามัญครั้งที่ 1ขึ้นซึ่งเป็นปรากฎการณ์เดียวและปรากฎการณ์แรกที่ท้องถิ่นได้หยิบยกเรื่องคำสั่งของอธิบดีกรมศิลปากร ขึ้นมาหารือและพร้อมตั้งงบประมาณ และรับการถ่ายโอนทันที ซึ่งการออกคำสั่งของอธิบดีในครั้งนี้ คนนครปฐมไม่ยอมแน่นอนและที่สำคัญอธิบดีจะต้องขอโทษคนนครปฐมด้วย

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายกองโทพเยาว์ เนียะแก้ว อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม ขึ้นเวทีพร้อมสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดทั้ง 30 เขต นักวิชาการ และตัวแทนภาคประชาชน กล่าวทักทายและประกาศให้คนนครปฐมตื่นกับเหตุการที่เกิดขึ้น เพื่อเรียนรู้ โดยอธิบดีกรมศิลปากรได้ปลุกกระแสให้คนนครปฐมลุกขึ้นมาปกป้องรักษา และขอให้คนนครปฐมรู้ว่าต่อไปนี้เราต้องทำอะไรให้เป็นรูปธรรม ด้านประวัติศาสตร์ พร้อมนำกบ่าวคำปฎิญาณเพื่อลงสัตยบันว่าจะต้องปกป้องหวงแหนไม่ใครแย่งไป

เรามาแสดงพลังปกป้องทรัพย์ที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้แต่โบราณ พวกเรามารวมตัวกั นแสดงความหวงแหน ไม่ให้เกิดการแทรกแทรง เราทำด้วยจิตสำนึกจิตวิญญาณสำนึกรักบ้านเกิด ต้องขอขอบคุณอธิบดีกรมศิลปากรอีกครั้ง ที่ท่านได้มีบัญชาให้เคลื่อนย้ายวัตถุโบราณและยุบพิพิธภัณสถานแห่งชาติพระปฐมเจดีย์ ทำให้เราเกิดการตื่นตัว และมีการเรียนรู้รากเหง้า ว่าคนนครปฐมอยู่ในพุทธภูมิ คนนครปฐมให้อภัยท่านอธิบดี ไม่เคยโกรธ แต่ทางตรงข้ามเรากลั บชื่นชมให้ท่านไปผู้ปลุกให้เราตื่น เราไม่ยอมให้ใครมาเอาสมบัติของเราไป เรายอมตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่จะจบการปราศรัย ก็ได้มีการประกาศนัดรวมพลังครั้งใหญ่กันอีกครั้งที่องค์พรพปฐมเจดีย์ตั้งแต่เวลา 10.00 น.วันที่ 22 พ.ค.2558

logoline