ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า ช่วงก่อนเปิดภาคเรียนประชาชนมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มที่จะใช้บริการโรงรับจำนำเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจึงมีนโยบายคืนความสุขด้วยการให้โรงรับจำนำในสังกัดของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ทั้ง 34 แห่งทั่วประเทศ ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม คือ เงินต้นต่ำกว่า 5,000 บาท จะคิดดอกเบี้ย 50 สตางค์ต่อเดือน เงินต้น 5,000-10,000 บาท คิดดอกเบี้ย 75 สตางค์ต่อเดือน
และสำหรับเงินต้น10,001 -20,000 บาท จะคิดดอกเบี้ย 1 บาทต่อเดือน และ 2 หมื่นบาทขึ้นไป คิดดอกเบี้ย 1 บาท 25 สตางค์ ซึ่งอัตราดังกล่าวถือว่าต่ำกว่าดอกเบี้ยรับจำนำที่กำหนดไว้ตาม พ.ร.บ.โรงรับจำนำ พ.ศ. 2505 กล่าวคือ หากเงินต้นไม่เกิน 2,000 บาท ห้ามเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินร้อยละ 2 ต่อเดือน และเงินต้นส่วนที่เกิน 2,000 บาท ห้ามเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกิน ร้อยละ 1.25 ต่อเดือน
ทั้งนี้จะใช้อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2558 โดย นายมานะ เกลี้ยงทอง ผู้อำนวยการสำนักงานธนานุเคราะห์ รายงานว่า ได้สั่งการให้โรงรับจำนำสำรองสภาพคล่องเพิ่มอีก 500 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้บริการของประชาชนด้วย