อาลัย "โค้ชแต๊ก" แพทย์แถลงปอดล้มเหลว

ภายหลังจากที่ โค้ชแต๊ก อรรถพล ปุษปาคม อดีตนักเตะทีมชาติไทยและการท่าเรือ ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เฮดโค้ชให้กับ เพื่อนตำรวจ ทีมในศึกดิวิชั่น 1 เกิดอาการป่วยด้วยอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและปอดจากพยาธิที่ชื่อ สตรองจีลอยด์ ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมาหลังจากคุมทีมบุกไปเยือน สงขลา ยูไนเต็ด จนต้องหามส่งโรงพยาบาลก่อนถูกนำตัวเข้ารับการรักษาตัวต่อที่ห้องไอซียู รพ.พระราม 9
ล่าสุดเมื่อเวลาช่วงเข้ามืดของวันที่ 16 เมษายน โค้ชแต๊ก ได้จากไปอย่างสงบ โดยทีมแพทย์ รพ.พระราม 9 ผู้ดำเนินการรักษาได้ออกแถลงการณ์ว่า หลังจาก โค้ชแต๊ก ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2558 เวลา 03.25 น. นั้นทางคณะแพทย์ได้ติดตามดูแลมาอย่างใกล้ชิดตลอด ทั้งนี้แพทย์ได้ดำเนินการรักษาอย่างเร่งด่วน แต่ด้วยสภาวะปอดติดเชื้อรุนแรง ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนมีปัญหา ส่งผลให้การทำงานของปอดล้มเหลว จึงเป็นเหตุให้เสียชีวิตและจากไปด้วยอาการสงบ เมื่อเวลา 04.41 น. ของวันที่ 16 เมษายน 2558
ทั้งนี้ได้มีพิธีรดน้ำศพ โค้ชแต๊ก ที่วัดธาตุทอง โดยมีพิธีสวดอภิธรรมศพเป็นเวลา 5 วันที่ศาลา 18 ก่อนจะฌาปณกิจศพในวันที่ 21 เมษายนต่อไป
"บอล" วรรณพล ปุษปาคม ลูกชายของ "โค้ชแต๊ก" กล่าวถึงการสูญเสียเสาหลักของครอบครัวว่า เมื่อวาน (วันที่ 15 เมษายน) พ่อเกิดอาการทรุดลงอีกครั้ง เชื้อลามมาลำใส้ทำให้ดูดซึมยาไม่ได้ ถือเป็นความเสียใจที่สุดของครอบครัว
ขณะที่คนวงการฟุตบอลไทยต่างร่วมไว้อาลย โดย เดอะ ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าทีมชาติไทยที่ เผยว่า สมัยนักเตะเคยร่วมงานกับ อรรถพล ทั้งทีมชาติและสโมสรกับทีมปาหัง ที่มาเลเชีย เขาถือเป็นนักบอลที่อดทน ความรับผิดชอบสูง มีทัศนคติที่ดี นับว่าเป็นบุคคลที่เปี่ยมความสามารถมาก เสียดายที่วงการฟุตบอลต้องสูญเสียคนดีมีฝีมือไป
ส่วน ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ช ทีมชาติไทย กล่าวว่า โค้ชแต๊ก เป็นแบบฉบับที่ดีของนักบอลรุ่นหลัง ให้คำปรึกษาชี้แนะแก่น้องๆ สุภาพ เรียบร้อย ตนยกให้ โค้ชแต๊ก เป็นโค้ชไทยที่เก่งที่สุด การสูญเสียครั้งนี้จึงถือว่าน่าเสียใจ และเสียดายอย่างมาก
ด้าน สัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ประธานฝ่ายบริหารของสโมสรเพื่อนตำรวจ กล่าวว่าการจากไปของ โค้ชแต๊ก ถือว่าฉุกละหุมาก เพราะทุกคนเชื่อมั่นว่า โค้ชแต๊ก จะกลับมาหายเป็นปกติ โดยทางสโมสรจะเป็นเจ้าภาพและดูแลงานศพอย่างดีที่สุด ส่วนการหาโค้ชคนใหม่ยังไม่ได้คิดในตอนนี้ แต่เชื่อว่าทีมงานที่มีอยู่สามารถช่วยกันทำงานเพื่อสานต่อเจตนารมย์ของ? โค้ชแต๊ก ได้
สำหรับ โค้ชแต๊ก เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2505 อายุ 52 ปี ที่ จ.ชลบุรี เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 กับสโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในตำแหน่งปีกขวา และคว้าแชมป์ถ้วยพระราชทาน ประเภท ก ได้ในปีดังกล่าว พร้อมติดธง ทีมชาติไทย ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับสโมสรปาหัง ทีมใน เอ็มลีก ของประเทศมาเลเซีย และคัมแบ็คสู่สโมสรการท่าเรือไทย, ตลาดหลักทรัพย์ และประกาศแขวนสตั๊ดในปี พ.ศ. 2541 โดยเคยพาทีมชาติไทยคว้าแชมป์ซีเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่ประเทศสิงคโปร์
สำหรับผลงานโค้ชที่โดนเด่นคุมทีม "มังกรไฟ" บีอีซี เทโรศาสน คว้ารองแชมป์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก และได้ย้ายไปคุมทีม เกย์ลัง ยูไนเต็ด (สิงคโปร์) ในปี 2549, ธนาคารกรุงไทย ปี 2550-2551, ทีทีเอ็ม สมุทรสาคร ปี 2552, เมืองทอง ยูไนเต็ด ปี 2552 และพาทีม คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในการก้าวขึ้นมาเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก ได้เพียงปีแรกเท่านั้น ก่อนจะย้ายมาคุมทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในปี 2554 พร้อมพา "ปราสาทสายฟ้า"คว้าทุกแชมป์ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ไทยพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และถ้วยพระราชทาน ประเภท ก รวมถึงเข้ารอบ 2 ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย "เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก"
จากนั้น "โค้ชแต๊ก" ย้ายไปคุม บางกอกกล๊าส ก่อนพาทีมคว้ารองแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ทันทีในปีนั้น ทว่าในวันที่ 16 มิถุนายน ของปีต่อมา ได้แยกทางกับ บีจี หลังจากที่ผลงานไม่ดีนัก ก่อนจะมาคุมทีม เพื่อนตำรวจ ในปีเดียวกันแม้ว่าจะไม่สามารถพาทีมรอดตกชั้นได้ ทว่า โค้ชแต๊ก" ยังขอรับผิดชอบด้วยการคุมทีม โปลิศ ต่อไป และในปีนี้ออกสตาร์ทในศึกดิวิชั่น 1 ด้วยการไม่แพ้ให้กับทีมใด ก่อนที่วันที่ 8 เมษายน จะพาทีมบุกเสมอ สงขลา 1-1 จากนั้นช่วงดึกได้มีอาการแน่นหน้าอกทำให้ต้องถูกส่งตัวเข้ารักษาที่ รพ.หาดใหญ่ จ.สงขลาและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ "โค้ชแต๊ก" ยังเคยทำหน้าที่สตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยหลายชุด โดยเฉพาะร่วมพาทีมคว้าแชมป์กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ประเทศฟิลิปปินส์