ไพบูลย์.... ยันใช้ ม.44 แก้ปัญหารุกพื้นที่ป่า

รัฐมนตรียุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พูดถึงคำสั่งที่ 4 ตามมาตรา 44 การเพิ่มประสิทธิ์ภาพ บังคับใช้กฏหมายคุ้มครองสาธารณประโยชน์ ว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาบุกรุกพื้นทีป่า ให้รัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอความช่วยเหลือจากทหาร แจ้งความประสงค์ต่อรัฐมนตรีกลาโหม มอบหมายให้ทหารไปปฏิบัติการตามคำขอ โดยรัฐมนตรีกลาโหม ขอให้หัวหน้า คสช.มีคำสั่งมอบหมายให้ทหารมีอำนาจหน้า เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น

โดยยืนยันว่าคำสั่งนี้จะทำให้การทำงานมีประสิทธ์ภาพมากขึ้น ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ปัญหาเรื่องการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพราะปัญหาบุกรุกผืนป่าเกี่ยวข้องทั้ง ก. ทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม โดยกระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบทางคดี เพราะรวมไปถึงการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ

รองโฆษกรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด คำสั่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องการบุกรุกผืนป่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลัง แต่พบว่าบางส่วนถูกกดดันและข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลทำให้การทำงานล่าช้า การให้ทหารเข้าไปทำงาน ไม่ต้องวิตกกังวลแรงกดดันจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เลือกปฏิบัติในการทวงคืนผืนป่าที่ถูกบุกรุกจากนายทุน และไม่ใช่การกลั่นแกล้งทางการเมือง

รองโฆษกรัฐบาล ย่ำหากหน่วยงานใดที่ต้องการความช่วยเหลือ สามารถร้องขอกำลังทหารเข้าไปสนับสนุนการปฏิบัติงานได้ทันที ขณะนี้ ก.ยุติธรรม ก.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งดำเนินการตรวสอบพื้นที่ที่มีการบุกรุกจากนายทุนอย่างต่อเนื่อง

มีข้อมูลจากกรมป่าไม้ พบว่ามีคดีบุกรุกป่าทั่วประเทศ ภาคเหนือ 1,116 คดี พื้นที่ป่า 20,636 ไร่ ภาคใต้ 642 คดี พื้นที่ป่า 9,310 ไร่ ภาคอีสาน 512 คดี พื้นที่ป่า 8,452 ไร่ ภาคกลาง 472 คดี พื้นที่ 11,290 ไร่ โดยมีปัญหาจาก 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อยู่ก่อน 30 มิ.ย. 2541 กลุ่มประชาชนยากจน มีภูมิลำเนาในพื้นที่ กลุ่มนายทุนและกลุ่มที่เข้าไปอยู่ 1-10 ปี