กว่า 80 ไร่ของสวนมะม่วงแห่งนี้ ทั้งมะม่วงนํ้าดอกไม้สีทอง ฟ้าลั่น เขียวเสวย มหาชนก หลากหลายสายพันธุ์ที่กำลังออกดอกออกผลเต็มสวน ทำให้เกษตรกรลงมือเก็บเกี่ยวกันอย่างขะมักขเม้น และด้วยประสบการณ์ที่สูงขึ้น ประกอบกับการเตรียมตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ สมเกียรติ เจ้าของสวนมะม่วงรายใหญ่ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา มองว่าปีนี้น่าจะสร้างรายได้มากกว่าเดิม เพราะผลผลิตปีนี้ถือว่าน้อยกว่าปีก่อน ทำให้ราคามะม่วงน่าจะสูงขึ้นตามกลไกของตลาด
จากการสอบถามถึงสัดส่วนการปลูกมะม่วงสายพันธุ์ต่างๆ พบว่า มะม่วงนํ้าดอกไม้สีทอง คือพันธุ์ที่ปลูกมากที่สุดถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 20 เปอร์เซนต์นั้น เป็นการปลูกสายพันธุ์อื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของตลาด
นอกจากการเข้าสู่หน้ามะม่วงจะทำให้ราคามะม่วงลดลงแล้ว กองทัพศัตรูพืชยังโผล่มาทักทายเกษตรกรตามนัดอีก ทำให้สมเกียรติต้องทำสงครามรักษาสวน โดยใช้อาวุธหนักอย่างสารเคมี จำพวก ยาฆ่าแมลง และสวมอาวุธป้องกันมะม่วงอย่างถุงคาร์บอนดำ ซึ่งสามารถป้องกันการจิกกัดและเข้าไปวางไข่ของแมลงวันสีทอง อีกทั้ง ยังช่วยป้องกันแสงแดดและสายฝนได้อีกด้วย แต่ก็ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายในการสวมถุง เฉลี่ย 1.50 บาท ต่อมะม่วง 1 ลูก
แต่ปัญหามีไว้ให้แก้ เมื่อเจ้าของสวนรายนี้หาทางออก ด้วยการเน้นส่งออกมะม่วงไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ที่นำเข้ามะม่วงนํ้าดอกไม้สีทองมากที่สุด นอกจากนี้ประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่ง ก็มีการนำเข้ามะม่วงไทยในพันธุ์ที่หลากหลายด้วยเช่นกัน คือ เวียดนามนำเข้ามะม่วงฟ้าลั่น และมาเลเซียจะนำเข้ามะม่วงมหาชนก ส่วนแผนต่อไปในอนาคต สมเกียรติมองว่า จะเน้นการปลูกมะม่วงนอกฤดูมากขึ้น เพราะแม้การส่งออกจะทำให้มีรายได้ดี แต่การขายนอกฤดูนั้นจะทำให้มีรายได้ที่ดีขึ้น