กมธ.ยกร่างฯ เตรียมพิจารณา การจัดการเลือกตั้ง
การพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะประเดิมด้วยเรื่อง การจัดการเลือกตั้ง ว่า กกต. ยังควรมีหน้าที่ ในการจัดการเลือกตั้งตามเดิม หรือไม่
กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ไพบูลย์ นิติตะวัน บอกว่า ในการประชุมกรรมาธิการยกร่างฯ เพื่อพิจารณาเนื้อหารายมาตราในสัปดาห์หน้า จะยังคงอยู่ในภาคที่ 3 นิติธรรม ศาล การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ โดยจะเริ่มเข้าสู่ในเนื้อหาในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในประเด็นที่จะให้หน่วยงานอื่น ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง และให้ กกต. ทำหน้าที่ในการตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม รวมถึงเรื่องของที่มาและวาระการทำหน้าที่ ของ กกต. ซึ่งคาดว่า จะยึดหลักการเดียวกันกับองค์กรตามรัฐธรรมนูญอื่น ๆ
คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาให้มีการแยกอำนาจการจัดการเลือกตั้งและอำนาจควบคุมการเลือกตั้งออกจากกัน โดยให้ กกต.ทำหน้าที่เฉพาะการควบคุมการเลือกตั้ง และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการจัดการเลือกตั้ง เรื่องนี้ กกต.ไม่เห็นด้วย และย้ำว่า การพิจารณาของกมธ.ยกร่างนี้ยังไม่ถือเป็นข้อยุติ ยังต้องดูต่อไปในส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ รวมถึงท่าทีของ คสช.
ส่วนแนวทางปฏิรูปการเลือกตั้ง ที่ประชุม กกต. เสนอแนะแนวต่อคณะอนุกรรมาธิการพิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ มีถึง 43 ประเด็น เช่น กรณีมีการยุบสภา ให้แยกการออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้ง เป็นละฉบับ โดยครม.ออกพ.ร.ฎ.ยุบสภา และกกต.ออกพ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้ง ให้ปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ให้แก้ไขระยะเวลาการห้ามทำผิดกฎหมายเลือกตั้งขยายเป็น 180 วัน
การหาเสียงให้จำกัดค่าใช้จ่ายการหาเสียงเท่าที่จำเป็น และรัฐให้การสนับสนุน ส่วนกำหนดข้อห้ามในหาเสียงให้ครอบคลุมพฤติกรรมการทุจริตการเลือกตั้ง นโยบายหาเสียงที่ใช้ห้ามแสดงตัวเงินชัดเจน ห้ามผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเข้ายุ่งเกี่ยวกิจกรรมการเมืองทุกประเภท
กรณีมีการชุมนุมปิดล้อมหน่วยเลือกตั้ง สถานที่จัดเก็บ กระจายอุปกรณ์การจัดเลือกตั้ง นอกจากกกต.จะดำเนินการตามกฎหมายแล้วให้สามารประกาศเลื่อนการเลือกตั้งเฉพาะหน่วยที่มีปัญหาได้ รวมทั้งเพื่อจูงใจให้ประชาชนมาใช้สิทธิ กำหนดให้มีการให้ผลตอบแทนกับผู้มาใช้สิทธิเช่น ลดหย่อนภาษี
สำหรับการสืบสวนสอบสวนกรณีทุจริตนั้น แก้ไขกฎหมายให้กกต.เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มีอำนาจตรวจค้น เรียกพยาน มีมาตรการคุ้มครองพยาน ใช้สำนวนกกต.เป็นสำนวนหลักในการดำเนินคดีเลือกตั้ง เพิ่มมาตรการให้เงินสินบนนำจับแก่ผู้ชี้ช่องเบาะแสจนสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง