ตัด Hate speech ปิดช่องลิดรอนสื่อ

หลังจากที่มีเสียงสะท้อนจากคนในแวดวงสื่อมวลชน ว่าการบัญญัติเรื่องการสื่อสารที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง หรือ Hate speech ในร่างรัฐธรรมนูญ เป็นประเด็นที่สามารถใช้ลิดรอนเสรีภาพผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนได้ ที่สำคัญยังไม่มีการจำกัดความหมายที่ชัดเจนว่า การสื่อสารที่ก่อให้เกิดความแตกแยก หรือ ความเกลียดชังนั้นมีรายละเอียดอย่างไร ซึ่งประเด็นนี้ มีข้อกังวลว่า อาจทำให้คนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ อ้างเป็นเหตุ "ปิดปากสือมวลชนได้"
สำหรับบทบัญญัตที่มีการกำหนดเรื่องนี้ไว้นั้น มีทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่ว่าด้วยความเป็นพลเมืองและหน้าที่พลเมือง มาตรา(1/2/1)1 , ส่วนที่ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของบุคคล มาตรา(1/2/2)14 และส่วนที่ว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนในการประกอบวิชาชีพ มาตรา(1/2/2)20
แต่ทั้ง 3 มาตรานี้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เคาะแล้วเมื่อวานนี้ โดยเลือกตัดบทบัญญัติเฉพาะใน มาตรา (1/2/2)20 ที่ว่าด้วยเรื่องสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชนในการประกอบวิชาชีพ เพียงมาตราเดียว เพราะเจาะจงไปที่การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนโดยเฉพาะ
ส่วนอีก 2 มาตรานั้น ไม่มีการตัด เพราะถือเป็นกติกากลางที่จะใช้บังคับกับคนไทย และคนต่างชาติทุกคน ซึ่งอาศัยในราชอาณาจักรไทย ซึ่งหากตัดบทบัญญัติที่ สื่อมวลชน กังวลในส่วนความเป็นพลเมืองและหน้าที่พลเมือง และส่วนสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ออกไป อาจเปิดช่องให้มีการแสดงและเผยแพร่ความเห็น เพื่อทำลายความรัก ความสามัคคีระหว่างคนในชาติได้ โดยใช้วิธีการตัดบทบัญญัติที่ว่า หรือเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเกลียดชังกันระหว่างคนในชาติหรือศาสนา หรือการใช้ความรุนแรงระหว่างกัน ในวรรคท้ายของมาตรา(1/2/2)20 ออก สำหรับบทบัญญัติ Hate Speech ในรัฐธรรมนูญใหม่ แม้ผู้เสนอจะหวังดี เพื่อให้เป็นกลไกปฏิรูปสื่อมวลชน โดยวางกลไกให้สื่อฯ ใช้เสรีภาพ อย่างมีความรับผิดชอบ แต่ยังไม่มีคำนิยามหรือขอบเขตของ Hate Speech ที่ชัดเจน ทำให้การใช้เสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนหลังจากที่รัฐธรรมนูญใหม่บังคับใช้ จะต้องระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะหากมีอคติของคนที่ไม่ชอบการถูกตรวจสอบ