ราคาน้ำมันต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ ฉุดหุ้นดิ่งทั่วโลก

ราคาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ในตลาดไนเม็กซ์ของสหรัฐ ลดลง 2.65 ดอลลาร์ หรือ 5% ปิดตลาดที่ 50.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยช่วงการซื้อขายระหว่างวัน ราคาร่วงลงไปถึง 49.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 1 พ.ค. 2552 นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ในตลาดลอนดอนของอังกฤษ ส่งมอบเดือนเดียวกัน ดิ่งลง 3.31 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ 53.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักวิเคราะห์วิตกด้วยว่า ราคาน้ำมันอาจจะยังไม่ถึงจุดต่ำสุด และอาจดิ่งลงแตะ 45 หรือ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าได้
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันลดลงเมื่อวานเป็นเพราะมีข้อมูลว่าผลผลิตน้ำมันของรัสเซียอยู่ในระดับสูงสุด หลังโซเวียตล่มสลายและการส่งออกน้ำมันของอิรักพุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 35 ปี ขณะที่คาดกันว่าความต้องการน้ำมันจะลดลงทั่วโลกเพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจยังซบเซา
สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศเผยรายงานเมื่อเดือนธ.ค.คาดว่าน้ำมันดิบในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 300 ล้านบาร์เรลใน 6 เดือนแรกของปีนี้ และปรับตัวเลขคาดการณ์ความต้องการน้ำมันลดลง 2 แสน 3 หมื่นบาร์เรลเหลือ 9 แสนบาร์เรลต่อวัน
และการตัดสินใจของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกเมื่อเดือนพ.ย.ว่าจะยังคงเพดานการผลิตที่ 30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ก็ทำให้ราคาน้ำมันดิ่งลงอีก นอกจากนี้การแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆ สร้างแรงกดดันต่อตลาดน้ำมันที่ซื้อขายกันด้วยเงินดอลลาร์ เพราะทำให้ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ใช้สกุลเงินที่อ่อนค่ากว่าดอลลาร์
ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงบวกกับความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในยูโรโซน ฉุดให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 331.34 จุดหรือ 1.86% ปิดตลาดที่ 17,501.65 จุด และดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 1.83% ปิดตลาดที่ 2,020.58 จุด นอกจากนี้ตลาดหุ้นในยุโรปปิดตลาดปรับตัวลดลงถ้วนหน้า โดยเฉพาะตลาดหุ้นกรีซดิ่งลงกว่า 5% ในขณะที่ตลาดกำลังวิตกว่าหากพรรคฝ่ายค้านของกรีซที่คัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดของสหภาพยุโรปชนะการเลือกตั้งในเดือนนี้ อาจทำให้กรีซถอนตัวออกจากยูโรโซน

ความวิตกดังกล่าวบวกกับราคาน้ำมันทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลงปิดตลาดที่ 1 ยูโรต่อ 1.1864 ดอลลาร์สหรัฐต่ำที่สุดในรอบเกือบ 9 ปีนับตั้งแต่มี.ค.2549 แต่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย หลังจากนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี ส่งสัญญาณว่า จะเริ่มใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณทางการเงินหรือคิวอี เร็วๆนี้
นอกจากนี้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวลดลงเช่นกันในวันนี้ โดยดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นลดลง 2.4% มาอยู่ที่ 16,990.52 จุดในการซื้อขายภาคเช้า