ทำให้ขณะนี้ยังเหลือผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 2 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และนายสมบัติ โสประดิษฐ์ โดยเฉพาะนายกิตติศักดิ์ จากการข่าวของชุดสืบสวนกองปราบปราม พบว่า ได้หลบหนีไปที่ฮ่องกง โดยวันนี้ (29ธ.ค) เจ้าหน้าที่จะมีการประชุมความคืบหน้าของคดี ที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อขยายผลและตรวจสอบความรัดกุมของคดี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า ความคืบหน้าคดียักยอกเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง จนทำให้เกิดความเสียหาย มูลค่า 1,600 ล้านบาท จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาที่สามารถจับกุมได้ และที่ยังคงหลบหนี เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สามารถรวบรวมพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการเงินได้จำนวนมาก รวมถึงตรวจพบทรัพย์สินมีค่าหลายรายการ โดยเฉพาะทรัพย์สินของนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาที่หลบหนีออกนอกประเทศ พบว่า มีการเปิดบริษัทสินเชื่อ / มีการปล่อยเงินกู้นอกระบบ และจัดสร้างหมู่บ้านจัดสรร
และวันนี้ทางพนักงานสอบสวน ยังไม่มีการเรียกอดีตผู้บริหารของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาสอบปากคำ แต่จะมีการเข้าสอบปากคำเจ้าหน้าที่ธนาคารต่างๆ ซึ่งพบว่ากลุ่มผู้ต้องหามีการโอนเงินเข้าบัญชีต่างๆ จำนวนมาก เกือบทุกธนาคารที่มีอยู่ในประเทศไทย
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ณษ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และจะขออนุมัติศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินต่อจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปก่อนหน้านี้
สำหรับคดีนี้ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 4 คน ประกอบด้วย นางสาวอำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนการคลัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง , นายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบิ๊กซี ศรีนครินทร์ , นายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ นักศึกษาปริญาโท และนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการ ส่วนนายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และ นายสมบัติ โสประดิษฐ์ ผู้ต้องหาอีก 2 คน ยังอยู่ในระหว่างการหลบหนี