รวบอีก 2 ผตห.ร่วมกันยักยอกทรัพย์ลาดกระบัง

หลังทั้งคู่ร่วมกัน ยักยอกเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง 1.6 พันล้าน และมีการทำบัญชีธนาคารปลอมเพื่อหลอกลวงว่าเงินยังมีอยู่ในบัญชีธนาคาร รวมทั้งมีการถ่ายโอนไปบุคคลที่ 3 นั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 ธันวาคม ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามได้ควบคุมตัวนายจริวัฒน์ สหพรอุดมการณ์ และนายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ มาสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมที่ผ่านมา ทั้ง2 ถูกศาลอาญา รัชดาออกหมายจับในข้อหา "ร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารสิทธิ และใช้เอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันฟอกเงิน"
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา นายจริวัฒน์ เดินทางเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบก.ป. หลังพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับและออกติดตามจับกุม กดดันจนต้องเข้ามอบตัว หลังนายจริวัฒน์ มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีที่ได้รับการโอนเงินจากนายพูลศักดิ์ เป็นจำนวนเงิน 55 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการสอบปากคำนายพูลศักดิ์แล้วเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายพูลศักดิ์และนายจริวัฒน์ ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี โดยคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก และเกรงว่าจะหลบหนี
อย่างไรก็ตาม ในคดีดังกล่าวนั้น ศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ทั้งหมด 6 ราย โดยสามารถจับกุมได้แล้ว 4 ราย ได้แก่ นายทรงกลด น.ส.อำพร นายพูลศักดิ์และนายจริวัฒน์ เหลือผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด และนายสมบัติ โสประดิษฐ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัว หลังมีรายงานข่าวระบุว่านายกิตติศักดิ์หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว
พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผบก.ป. เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำนายจริวัฒน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบัญชีที่มีการถ่ายโอนเงิน เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ทราบเรื่องการยักยอกทรัพย์ดังกล่าว จากแนวทางการสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่ากรณีดังกล่าวน่าจะมีการกระทำกันเป็นขบวนการ มีผู้รู้เห็นอีกหลายคน ถึงแม้นายจริวัฒน์จะปฏิเสธว่าไม่ได้รู้กับนายพูลศักดิ์ แต่จากการสืบสวนทราบว่าจะมีคนกลาง (ยังไม่สามารถเปิดเผยได้) ที่เชื่อมให้ผู้ร่วมขบวนการแต่ละคนมารู้จักกัน และร่วมวางแผนกันมาเป็นอย่างดี โดยทุกคนรู้ถึงที่มาของเงิน และรู้วิธีโอนถ่ายเงิน ซึ่งจากกรณีดังกล่าวพบว่าเมื่อได้เงินก้อนใหญ่มาแล้ว มีการแตกเงินออกไปยังที่ต่างๆ ทั้งซื้อบ้าน ซื้อทรัพย์สิน ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงิน ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีบัญชีที่รับถ่ายโอนเงิน และเกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตามคาดว่าเงินที่ยังอยู่ในระบบ ไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปบัญชีใดนั้น มีจำนวนกว่า พันล้านบาท
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเชิญตัวนายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รวมถึงผู้มีอำนาจในการเซ็นต์อนุมัติ เข้าให้ปากคำเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า จะมีออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อสอบปากคำแน่นอน ซึ่งเป็นการเรียกมาให้ข้อมูลในฐานะพยาน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคมนี้
เมื่อถามว่าจากการตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่างๆ พบพิรุธอะไรในตัวผู้ที่มีอำนาจเซ็นต์อนุมัติบ้างหรือไม่ พ.ต.อ.ณษ กล่าวว่า ก็น่าสงสัยกรณีที่มีการถ่ายโอนเงิน และปลอมแปลงเอกสารมาตั้งแต่ปี 2555 แล้ว แต่ทำไมถึงไม่มีใครเอะใจ หรือสงสัย หรือพบพิรุธอะไรบ้างเลย ทั้งที่ในกรณีที่จำนวนเงินค่อนข้างมาก ควรมีการตรวจสอบโดยละเอียด อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ประสานขอความร่วมมือจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพราะพบว่ามีการนำเงินไปใช้ในธุรกิจอื่น เช่น ซื้อบ้าน ซื้อทรัพย์สิน รวมทั้งมีการจดเป็นนิติบุคคล คือบริษัท มัทธุจัด จำกัด อีกด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าในกรณีที่จดเป็นนิติบุคคลนั้นมีรายชื่อบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง อย่างไรก็ตามแม้ขณะนี้ผู้ต้องหาทุกคนยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางพนักงานสอบสวนมั่นใจว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอในการแจ้งข้อกล่าวหา โดยขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับบุคคลอื่นเพิ่มเติมแต่อย่างใด
แหล่งข่าวระดับสูงจาก บก.ป. เปิดเผยว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ขอหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้น คอนโดมิเนียม เดอะคีย์ (The Key) ย่านแจ้งวัฒนะ และ บ้านในหมู่บ้านพฤกษ์ภิรมย์ ย่านราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของนายพูลศักดิ์ และบริษัท มัทธุจัด จำกัด ซึ่งเป็นของนายกิตติศักดิ์ เพื่อหาพยานหลักฐานและความเชื่อมโยงเกี่ยวกับคดีดังกล่าว