svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

กองปราบตรวจเอกสาร ผอ.กองคลัง หาหลักฐานเพิ่ม

24 ธันวาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

24 ธ.ค.57 - กองปราบตรวจเอกสารห้องทำงาน ผอ.กองคลัง หาหลักฐานเพิ่มโยงขบวนการยักยอกเงิน พบเพิ่ม 4 รายชื่อต้องสอบเพิ่ม

จากกรณีที่ รศ.ดร.โมไนย ไกรฤกษ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ส่งทนายความเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษกก.1 บก.ป. เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในการกระทำการทุจริต โดยเบื้องต้นพบว่า เงินได้สูญหายไปจากบัญชีธนาคารรวม 80 ล้านบาท ก่อนจะมีการตรวจสอบในรายละเอียด กระทั่งพบว่ามียอดเงินสูญหายไปกว่า 1,600 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมนายทรงกลด ศรีประสงค์ อดีตผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา และนางสาวอำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการส่วนกองคลังตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

กองปราบตรวจเอกสาร ผอ.กองคลัง หาหลักฐานเพิ่ม


ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช รรท.ผกก.1บก.ป. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นทางผู้บังคับบัญชาได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว โดยมอบหมายให้พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป. เป็นหัวหน้าทีมสืบสวน และพ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป.เป็นหัวหน้าทีมสอบสวน ร่วมคลี่คลายคดีนื้ ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่กก.1บก.ป.ได้นำตัวนายทรงกลด ศรีประสงค์ไปทำการฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี ในส่วนของน.ส.อำพร น้อยสมฤทธิ์นั้น เจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารไปยื่นให้ศาล ระบุว่านำตัวนางอำพร ฝากขังแต่ไม่สามารถนำตัวนางอำพร มาด้วยได้ เนื่องจากรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการย้ายนางอำพร ไปรักษาที่รพ.ตำรวจต่อไป
ต่อมาเวลา14.30 น. พ.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบก.ป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกก.1บก.ป.ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นที่กองการคลังของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังซึ่งตั้งอยู่ที่ตึกอธิการ เพื่อมาตรวจสอบหาเอกสารหลักฐานหาความเชื่อมโยงในคดี โดยจุดแรกเจ้าหน้าที่ได้ขึ้นไปที่บริเวณชั้น6 ของตึกอธิการบดี ซึ่งเป็นห้องเก็บเอกสารที่ทางสถาบันได้นำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีมาเก็บรักษาไว้ในตู้เซฟ เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบของกลาง 17 รายการ ประกอบไปด้วยเอกสารทางราชการ สมุดบัญชีส่วนตัว บัญชีกองทุนส่วนตัวLTF กว่า 20 บัญชี และมีเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมซีพียู โดยใช้เวลาตรวจสอบนานกว่า1 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำเอกสารและของกลางต่างๆ ไปเก็บไว้ในตู้เซฟดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ทำการใช้เทปกาวปิดผนึกและเช็นชื่อเพื่อความโปร่งใสและป้องกันการทำลาย ต่อมาเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่ห้องการคลังซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว และเป็นห้องทำงานของน.ส.อำพร โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก่อนใช้เทปกาวปิดผนึกและเซ็นชื่อกำกับ โดยได้ปิดผนึกเทปกาวที่ประตูห้องของน.ส.อำพร

กองปราบตรวจเอกสาร ผอ.กองคลัง หาหลักฐานเพิ่ม


ภายหลังจากการตรวจค้นพ.ต.อ.กรไชย เปิดเผยว่าในวันนี้ทางสถาบันได้เชิญตำรวจมาทำการตรวจสอบห้องทำงานของน.ส.อำพร ซึ่งอยู่บริเวณชั้น 3 ของอาคารดังกล่าว ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่ได้ทำการตรวจยึดเอกสารดังกล่าวไว้ เนื่องจากเห็นว่ายังไม่เหมาะสมติดขัดเรื่องข้อกฏหมายต้องขอหมายค้นก่อน เพื่อที่จะนำหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบประกอบเป็นหลักฐานทางคดี
จากการตรวจสอบพบว่ามีเอกสารทางราชการจำนวนมาก เอกสารกองทุน สมุดบัญชีหลายรายการ พบว่ามีอีก 3-4 รายชื่อมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเอกสารหลักฐานที่ทางตำรวจให้ความสนใจคือไฟส์เอกสารที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของน.ส.อำพรภายในห้องทำงาน ขณะตรวจสอบมีอธิการบดีและรองอธิการบดีร่วมตรวจสอบพร้อมกัน ขณะนี้ได้ทำการซีนของทั้งหมดไว้ รวมทั้งได้มีการซีนเอกสารทั้งหมดที่เก็บในตู้เซฟไว้ด้วย พร้อมทั้งเซ็นชื่อกำกับ เพื่อความโปร่งใส่ในการตรวจสอบ ขณะที่ทางสถาบันต้องการแสดงความโปร่งใสโดยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแล เพื่อให้การดำเนินการคดีเกิดข้อบกพร่องน้อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบบัญชี 4-5 บัญชี มีรายชื่อเพิ่มขึ้นมาประมาณ 3-4 รายชื่อ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนี้จะเรียกมาสอบปากคำในฐานะพยาน ในประเด็นที่ตำรวจตั้งข้อสงสัยว่าบัญชีมีความผิดปกติตั้งแต่ปี2555 แต่ทำไมผู้ที่มีรายชื่อ 3-4 รายไม่แจ้ง ถึงสาเหตุความผิดปกติของเงินในบัญชี ว่ามีความผิด ซึ่งตรงนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป ในชั้นแรกเห็นว่ายังไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หากไม่มาเข้าให้การ ก็สงสัยได้ว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป อาจออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป
นอกจากนี้ยังได้ประสานไปทางธนาคารเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโอนเงิน ซึ่งการโอนเงินของสถาบันต้องมีผู้เซ็นร่วมจึงจะสามารถเบิกถอนหรือโอนเงินได้ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะขอเอกสารดังกล่าวมาทำการตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่า มีผู้เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ แต่น่าเชื่อว่ามีการทำเป็นลักษณะขบวนการ
นอกจากนี้ทางรักษาการอธิการบดี ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบัญชีย้อนหลังว่า มีความผิดปกติตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใส โดยจะตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 2555 ขึ้นไป โดยเฉพาะบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งมีการฝากเงินบัญชีแรกประมาณ 500 ล้านบาท บัญชีที่สองประมาณ 40 ล้านบาท และบัญชีที่สามประมาณ 400 ล้านบาท 3 บัญชีรวมกันกว่า 940 ล้านบาท ในส่วนของการติดตามตัวนายพูลศักดิ์นั้น ขณะนี้ได้มีออกหมายเรียกเพื่อให้มาสอบปากคำ โดยนายพูลศักดิ์ ได้มีชื่อปรากฏว่า เป็นเจ้าของบัญชีปลายทางจำนวนเงิน 80 ล้านบาท และปรากฏชื่อด้านหลังแคชเชียร์เช็คที่นำไปขึ้นเงิน. อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความสัมพันธ์พบว่า นายพูลศักดิ์ น่าจะรู้จักกับนายทรงกลด ซึ่งรู้จักกันอย่างไร หรือเป็นเพียงแค่คนเปิดบัญชีให้ ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะนำหมายค้นเพื่อมาทำการเคลื่อนย้ายหลักฐานไปทำการตรวจสอบอีกครั้งต่อไป

logoline