ความคืบหหน้าวันนี้ (17 ธ.ค.) พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสิฐ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก เปิดเผยว่า จากการติดตามสืบสวนทราบว่าคนร้ายไม่ได้กระทำผิดที่พิษณุโลกที่เดียว มีการตระเวนกระทำผิดหลายท้องที่ เช่นอุตรดิตถ์และนครสวรรค ก็อาจเป็นคนร้ายคนเดียวกัน ในการสอบสวนได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เห็นภาพคนร้ายชัดเจน วันนี้พนักงานสอบสวนก็จะไปขออนุมัติขอหมายศาลเพื่อติดตามตัวผู้กระทำความผิด ส่วนบัตรทองที่เป็นหลักฐานนั้น ได้นำส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 6 ว่า มีตัวยาอะไรใส่ในบัตรทองหรือไม่ เบื้องต้นมีฐานความผิดฉ้อโกงทรัพย์หลอกลวง แต่หากมีตัวยาผสมในบัตรทอง ก็จะมีข้อหาประทุษร้ายโดยใช้ยา ก็จะเพิ่มข้อหาประทุษร้ายโดยใช้ยา ชิงทรัพย์แต่ขณะนี้ยังคงต้องรอผลพิสูจน์หลักฐานว่ามีตัวยาอะไรผสมหรือไม่
สำหรับพฤติการณ์ของคนร้ายที่เกิดขึ้นในพิษณุโลกและจังหวัดต่าง ๆ คนร้ายที่เป็นผู้หญิง ก่อเหตุในลักษณะใกล้เคียงกัน เข้าไปพูดจาชักจูงให้ซื้อบัตรทอง ผู้เสียหายก็จะบอกว่ามีอาการมึนงง และหลงเชื่อมอบเงินให้คนร้ายไป ขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อของคนร้าย แต่เชื่อว่าจะยังคงตระเวนอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง เพราะจากกระแสในโซเชียลมีเดีย พบว่าคนร้ายรายนี้ไปก่อเหตุลักษณะนี้ในจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือตอนล่าง ประชาชนท่านใด พบเห็นลักษณะคนร้ายลักษณะใกล้เคียงอย่างนี้ สามารถโทรศัพท์แจ้งที่ 191 ได้ทันที ฝากเตือนประชาชนด้วย ถ้าเจอลักษณะคนเข้ามาเชิญชวนซื้อบัตรทองให้ระวังตัวด้วย อาจจะเป็นคนร้ายลักษณะนี้ได้
ขณะนี้ตำรวจภูธรเมืองจัดชุดสืบสวนลงหาข่าวในพื้นที่ เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้าย เชื่อว่ายังคงตระเวนอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง ขณะที่กองสืบสวนของภ.จว.พิษณุโลก ได้ประสานกับตำรวจต่างพื้นที่ เพราะมีกระแสข่าวว่า คนร้ายเคยไปก่อเหตุที่จ.สุมทรสาคร
น.พ.บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในเรื่องนี้ยังไม่ทราบข่าวว่าเป็นมาอย่างไร แต่ที่ผ่านมาคนร้ายที่ก่อเหตุป้ายยา หรือมอมยา เหยื่อ เพื่อตบทรัพย์นั้น ส่วนใหญ่เป็นยานอนหลับทั่วไป ซึ่งยาประเภทนี้มีหลายชนิด แต่ละชนิดขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ยา ซึ่งหากใช้ในปริมาณมากก็จะมีฤทธิ์กดประสาท ทำให้ง่วงซึม โดยไม่รู้ตัว เป็นระยะเวลาอันสั้น โดยยาประเภทนี้ไม่ควรใช้ในขณะขับรถ ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย