ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม รมต.สาธารณสุขอาเซียน รับมืออีโบล่า

สถานการณ์การระบาดของเชื้ออีโบล่า รายงานจากองค์การอนามัยโลก (WHO) พบในประเทศที่มีการระบาดในวงกว้าง จำนวน 3 ประเทศ ได้แก่ กินี ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน รวมทั้งสิ้น 17,908 ราย เสียชีวิต 6,373 รายและพบในประเทศที่มีผู้ป่วยรายแรกหรือมีการระบาดในพื้นที่จำกัด จำนวน 5 ประเทศ ได้แก่ ไนจีเรีย เซเนกัล สเปน สหรัฐอเมริกา และมาลี รวมทั้งสิ้น 34 ราย เสียชีวิต 15 ราย และเมื่อวันที่ 17,19 ตุลาคม ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เซเนกัล ไนจีเรีย และสเปน ให้เป็นพื้นที่ปลอดเชื้อไวรัสอีโบลาแล้ว

แม้ในภูมิภาคอาเซียน ยังไม่มีการระบาด แต่จำเป็นต้องเตรียมมาตรการรับมือ โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน สมัยพิเศษในวันที่ 14-15 ธันวาคม นี้ เพื่อเตรียมพร้อมและรับมือการะบาดโรคติดเชื้อไวรัสอีโบล่า

โดยเนื้อหาหลักในการประชุมจะพูดคุยถึง การจัดทำข้อตกลงเชิงนโยบายในภูมิภาคอาเซียน 13 ประเทศ คือ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียร์มาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และไทย

รวมทั้งหารือถึงการระดมทุน เพื่อหยุดยั้งและควบคุมการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด ตามที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตั้งเป้าไว้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท รวมทั้งคุยถึงการส่งตัวอย่างเชื้อต้ิงสงสัยจากเพื่อนบ้าน มาตรวจวิเคราะห์ในแล็ประดับ 3 ของประเทศไทย

กรณีนิตยสารไทม์ ยกย่องให้บุคคลากรสาธารณสุขที่ทำงานด้านอีโบล่าเป็นบุคคลแห่งปี ซึ่งในเรื่องนี้ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ บอกว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีและเห็นว่ามีความเหมาะสมเพราะว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เดินทางไปให้การรักษาในประเทศที่ระบาดถือว่ามีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ซึ่งแม้จะไม่มีบุคคลากรของไทยเดินไปรักษาที่แอฟริกา แต่ก็พยายามในการสร้างมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เชื้อระบาดเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้คิดค้น การผลิตแอนติบอดีรักษาโรคไข้เลือดออกอีโบล่า ในห้องปฏิบัติการสามารถยับยั้งเชื้ออีโบล่าได้สำเร็จครั้งแรกของโลก โดยขณะนี้ ศิริราชได้ส่งทีมแพทย์ที่ไปศึกษาวิจับต่อยอดการค้นพบดังกล่าว ร่วมกับองค์การอนามัยโลก ซึ่งหากสามารถทำได้สำเร็จจะทำให้การรักษาโรคอีโบล่าได้ดีขึ้น หรือสามารถผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคนี้ได้