เอกชนแจงก๊าซ ขยับไม่กระทบผลิต-ขนส่ง

ว่าที่ร้อยตรีธเนศร์ โสรัตน์ รองประธานกรรมการ บริษัท วี-เซิร์ฟ โลจิสติกส์ จำกัด กล่าวว่า ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม ส่งผลให้ราคาก๊าซแอลพีจีอยู่ที่ 24.16 บาทต่อ กก.และก๊าซเอ็นจีวีอยู่ที่ 12.50 บาทต่อ กก. ขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์มากนัก โดยเฉพาะในส่วนของบริษัทเนื่องจากมีการใช้น้ำมันดีเซลเป็นหลักสัดส่วนมากถึง 90% 

โดยเห็นว่า หากราคาก๊าซฯปรับตัวเพิ่มขึ้น จนมีส่วนต่างจากราคาเดิม 5-10% เมื่อนั้นจะเริ่มเห็นผลกระทบต่อต้นทุนโลจิสติกส์ และอาจต้องจะต้องขยับค่าบริการขนส่งสินค้า รวมถึงราคาสินค้าและบริการให้เพิ่มขึ้น 

ส่วนแนวโน้มราคาพลังงานคาดว่ายังอยู่ในภาวะขาลง ส่งผลดีต่อภาคขนส่ง แต่เนื่องจากปีนี้ภาคการผลิตที่แท้จริง (เรียลเซ็กเตอร์) อยู่ในสถานการณ์ไม่ดีนัก จากกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอตัว และการส่งออกที่เติบโตติดลบต่อเนื่อง ทำให้ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ค่อนข้างทรงตัว และเติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะได้รับอานิสงส์จากราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงในช่วงปลายปี แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่หายไปได้ 

ด้านนายบุญฤทธิ์  มหามนตรี ประธานกรรมการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า การปรับขึ้นราคาก๊าซฯขณะนี้ยังไม่กระทบต่อราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคซึ่งเป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ในทางกลับกันหากมีการปรับราคาน้ำมันเชื่อว่าจะกระทบมากกว่า เนื่องจากถือเป็นพลังงานที่เกี่ยวโยงกับภาคการผลิตมากกว่า  

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน จำกัด(มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม แบรนด์อิชิตัน กล่าวว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาดังกล่าว และไม่กังวลกับเรื่องนี้มากนัก โดยมองว่าในฐานะผู้ประกอบการ จะต้องเตรียมตัว รับมือให้พร้อมตลอดเวลา 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีหน้าจะก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี  ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และจัดสรรงบประมาณให้ดี โดยหากภาคส่วนใดได้รับผลกระทบก็ต้องหาแนวทางปรับเปลี่ยนแก้ไข หรือลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นออก