svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ผลสอบวัตถุโบราณเครือข่าย "พงศ์พัฒน์" พบเกินครึ่งของปลอม

02 ธันวาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กรมศิลปากรแถลงผลตรวจสอบวัตถุโบราณที่ยึดจากเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบว่า เกินกว่าครึ่งเป็นของปลอม ไปติดตามรายงานนี้จากผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี พรรณทิพา จิตราวุฒิพร

อธิบดีกรมศิลปากร แถลงผลตรวจพิสูจน์วัถตุโบราณ ศิลปวัตถุ จำนวนกว่า 2 หมื่นชิ้น ที่ยึดได้จากเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีตผู้บัญชาการสอบสวนกลาง เบื้องต้นพบว่าเกินกว่าครึ่งเป็นของปลอม หรือของเลียนแบบ แต่ในจำนวนนี้มีอยู่ 50 ชิ้นที่พบว่าเป็นของจริง โดยแทบทั้งหมดเป็นของจากต่างประเทศ เช่น กัมพูชา ลาว และพม่า

การตรวจสอบได้แยกประเภท เป็นประติมากรรมหินอ่อน ศิลปะเขมร จำนวน 13 รายการ ซึ่งมีทั้งพระพุทธรูปยืนสมัยก่อนเมืองพระนคร พุทธศตวรรษที่ 12 ร่วมสมัยศิลปะทวารวดี และเทวรูปหินทรายและเทวสตรี สมัยเมืองพระนคร แบบสมโบร์ไพรกุก ราวพุทธศตวรรษที่ 13 -15 ซึ่งไม่ใช่ของไทย ส่วนภาพแกะสลักประเภททับหลังและภาพประดับผนังปราสาทสมัยพระนครแบบนครวัด-บายน พุทธศตวรรษที่ 17-18อีก 37 รายการ เป็นพระพุทธรูปและรูปเคารพในพระพุทธศาสนาและศาสนาฮินดู เช่น พระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำด้วยสำริด พระพุทธรูปยืน พระพุทธรูปทรงเครื่องใหญ่ ทำด้วยสำริด โบราณวัตถุและศิลปประเภทหินอ่อนและโลหะ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นเตียง ตู้ โต๊ะ ประดับด้วยงาช้าง นาฬิกาประดับโลหะชุปทอง ประดับกระดองเต่า โดยวัตถุโบราณทั้งหมดส่วนมากมีอายุในปี พ.ศ.2380 หรือในสมัยรัชการที่ 4 ซึ่งสมัยนั้นทางยุปโรปมีการค้าขายวัตถุโบราณ กับต่างประเทศ ถือว่าไม่ผิดกฏหมาย
ประติมากรรมหิน ศิลปเขมร และพระพุทธรูป ที่ได้ตรวจสอบทั้งหมด 50 ชิ้น มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งในส่วนที่มีการนำเข้าจากต่างประเทศต้องตรวจสอบว่านำเข้ามาได้อย่างไร ผู้ครอบครองต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมายหรือไม่

หลังจากนี้กรมศิลปกร จะประสานทางการลาว พม่า กัมพูชาให้ตรวจสอบวัตถุโบราณที่ยึดได้ว่ามีที่มาจากประเทศเหล่านี้หรือไม่ พร้อมทั้งนำภาพถ่ายของกลางทั้งหมด ลงในเว็บไซด์ของกรมศิลปกร เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ช่วยกันตรวจสอบ หากพบว่าชิ้นใดมีการแจ้งสูญหายก็ให้แจ้งมายังกรมศิลปากรทันที

logoline