ปลัดยุติธรรม....ย้ายรองอธิบดีดีเอสไอ เซ่นส่วยน้ำมันเถื่อน

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้เซ็นคำสั่งย้ายนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาเป็นรองอธิบดีกรมคุมประพฤติ โดยคำสั่งระบุเหตุผลเพียง เพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ต่อทางราชการเท่านั้น คำสั่งดังกล่าวจึงส่งผลให้ตำแหน่งรองอธิบดีดีเอสไอว่างลงพร้อมกัน 2 ตำแหน่ง คาดว่าในเร็วๆ นี้จะเปิดรับสมัครเพื่อให้ข้าราชการระดับ 9 จากกรมต่างๆ รวมถึงดีเอสไอได้ลงสมัครแสดงวิสัยทัศน์และผลงาน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีกระแสข่าวว่ากระทรวงยุติธรรมอาจมีการทาบทาม ซี 9 จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้โอนย้ายมาเป็นรองอธิบดีดีเอสไอ

สำหรับกระแสข่าวโยกย้ายนายเพิ่มพูน ให้พ้นจากดีเอสไอ มีมาเป็นระยะๆ ตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ เป็นอธิบดีดีเอสไอ เนื่องจากนายเพิ่มพูนเป็นรองอธิบดีที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลดีเอสไอศูนย์ภาคต่างๆ ขณะที่ดีเอสไอ ศูนย์ภาคมีปัญหาการทำงาน และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการแอบอ้างดีเอสไอไปเรียกรับผลประโยชน์ จนต้องปรับย้ายเจ้าหน้าที่ในศูนย์ภาคต่างๆ หลายครั้ง

กระทั่งเกิดปัญหาคนร้ายนำน้ำมันเบรคไปราดใส่รถยนต์ส่วนตัวของ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีพิเศษศูนย์ภาค ซึ่งจอดอยู่ในอาคารจอดรถยนต์ (โซนดีเอสไอ) ภายในศูนย์ราชการอาคารบี

ล่าสุด เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงส่วยน้ำมันเถื่อนของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือเสี่ยโจ้ปัตตานี แม้ว่าผู้มีรายชื่อในฐานข้อมูลโทรศัพท์ของเสี่ยโจ้ จะเป็นพนักงานสอบสวนในศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งขึ้นตรงต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แต่มีผู้ถูกตั้งกรรมการสอบสวน 1 ราย เคยเป็นเจ้าหน้าที่คดีพิเศษสังกัดศูนย์ใต้ ดังนั้นในเหตุผลด้านการบริหารจึงต้องย้ายนายเพิ่มพูนให้พ้นจากดีเอสไอ

สำหรับรายชื่อบัญชีส่วยของเสี่ยโจ้ ที่ระบุว่า มีการจ่ายเงิน 1.6 ล้านบาท ให้กับเล็ก ดีเอสไอ เมื่อปี 2555 นั้น ยังไม่มีการตั้งกรรมการขึ้นสอบข้อเท็จจริง โดยชี้แจงเบื้องต้นว่าผู้ที่มีชื่อไปปฏิบัติงานในภาคใต้ของดีเอสไอไม่มีคนชื่อเล็ก จึงคาดว่าเป็นการแอบอ้างชื่อไปเก็บส่วย

ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.อ.นิวัตร มีนะโยธิน ผู้ช่วยรมว.ยุติธรรมว่ามีการโยกย้ายรองอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งการโยกย้านเป็นอำนาจของปลัดกระทรวงยุติธรรม. ทั้งนี้ภายหลังกลับจากการประชุมร่วมกับหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดอาเซียน ที่ประเทศอินโดนีเซียจะตรวจสอบอีกครั้งว่าโยกย้ายดังกล่าวมีเหตุผลอย่างไร