นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วย นายอาวุธ สุวรรณาศรัย คณะกรรมการตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุกรมศิลปากร และอดีตหัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอู่ทอง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ภัณฑารักษ์ และนิติกร กรมศิลปากร เข้าตรวจพิสูจน์และคัดแยกโบราณวัตถุ ของกลางที่ยึดได้จากเครือข่าย พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ อดีต ผบ.ชก. ที่ กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
นายบวรเวท กล่าวว่า ได้นำเจ้าหน้ามาตรวจการคัดแยก พร้อมทำติดป้าย และเชือกสี เพื่อทำสัญลักษณ์ แยกตามประเภท โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และสิ่งของเทียมเลียนแบบ โดยพบว่า โบราณวัตถุที่มีอายุเก่าแก่ส่วนใหญ่ ทำจากหินทราย อาทิ พระพุทธรูปขอมโบราณ ศิลปะพนมดา พุทธศตวรรษที่ 12 อายุกว่า 1,400 ปี เทวรูปพระนารายณ์ ศิลปะเขมร สมโบว์ พุทธศตวรรษที่12-13 อายุราว1,300 -1,400 ปี ส่วนศิลปวัตถุ พบว่า มีทั้งของไทย และของนำเข้าจากต่างประเทศ ศิลปะ จีน ยุโรป อินเดีย ส่วนของเทียมเลียนแบบมีทั้ง เทวรูปหินทราย รูปแกะสลักพระพุทธรูปไม้ เป็นจำนวนมาก
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร บันทึกภาพโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ โดยรวบรวมนำขึ้นเว็บไซต์กรมศิลปากร เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ กรณีที่มีการสูญหาย โดยสามารถนำหลักฐานมาแจ้งขอตรวจสอบได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทั้ง 44 แห่งทั่วประเทศ หรือกรมศิลปากร
เมื่อคัดแยกเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการจัดทำทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จากนั้นกรมศิลปากรจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ทหาร ขอนำเฉพาะโบราณวัตถุไปเก็บรักษาที่ คลังโบราณวัตถุ อ.คลองห้า จ.ปทุมธานี อย่างไรก็ตาม ตนจะแถลงความคืบหน้าอย่างเป็นทางการอีกครั้ง วันที่ 2 ธ.ค. นี้ เวลา 11.30 น. ที่ อาคารหอพระสมุดวชิรญาณ สำนักหอสมุดแห่งชาติ