svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ประยุทธ์" สรุปผลเยือนลาว-เวียดนาม

29 พฤศจิกายน 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

29 พ.ย.57 -- "ประยุทธ์"สรุปผลเยือนลาว-เวียดนาม ย้ำพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชื่อมโยงถึงกัน มอบรมว.กต.-เลขานายกฯรับผิดชอบสานงานต่อ

เมื่อเวลา 08.05 น.สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนท์ทีวี(ช่อง9) นำเทปคำสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มาออกอากาศ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ในโอกาสเยือนประเทศลาวและเวียดนามเมื่อวันที่ 26-28 พ.ย.ที่ผ่านมา 
โดยพล.อ.ประยุทธ์ สรุปผลการเยือนประเทศลาวอย่างเป็นทางการ ว่า ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีของลาวในหลายประเด็นที่สำคัญ ทั้งการติดตามความคืบหน้าในกิจกรรมที่จะทำร่วมกันต่อยอดจากการประชุมในหลายเวทีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นความเชื่อมโยงเรื่องเส้นทางคมนาคม เรื่องการสร้างสะพาน การค้าการลงทุน ความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและกาารท่องเที่ยว โดยนำปัญหาเก่ามาพูดกันว่าจะทำอย่างไรจะให้สำเร็จโดยเร็วในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนและเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน 
นอกจากนั้นต้องผลักดันเรื่องที่ได้พูดคุยในการประชุมเอเชีย-ยุโรป (อาเซม)การประชุมเอเปค โดยเฉพาะความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ด่านศุลกากร การสร้างถนนที่เราได้สนับสนุนเงินให้เปล่ากับลาวและการสร้างสะพานไทย-ลาวแห่งที่ 5 ที่เราได้ออกแบบและวางแผนไว้จะสร้างถึงแห่งที่ 6 รวมถึงการสร้างถนนตามแนวชายแดนในลาวตอนเหนือ สิ่งเหล่านี้จะนำไปคุยในประเทศกลุ่มแม่น้ำโขง (จีเอ็มเอส) ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในเดือนธ.ค.นี้อีกครั้ง
"เราได้เปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่จ.มุกดาหาร และเตรียมจะเปิดเพิ่มอีกแห่งที่จ.หนองคาย รวมเป็นสองจุด เพื่อรองรับปริมาณการค้าขาย เพราะคนลาวชอบใช้สินค้า อาหารจากประเทศไทย และได้หารือถึงการให้การสนับสนุนการให้ความรู้ การพัฒนาด้านต่าง ๆ เพื่อให้ทั้งสองประเทศแข็งแรงไปด้วยกัน หากลาวแข็งแรงไทยก็แข็งแรง "
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟ เราดำเนินการจากกรุงเทพฯไปจ.หนองคาย ขณะที่ลาวก็เตรียมสร้างภายใต้การสนับสนุนของจีนเพื่อมาเชื่อมต่อกันโดยจะเริ่มในปี 2558 นอกจากนั้นจะร่วมมือเรื่องวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวให้จัดเป็นแพ็กเก็จในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ไทย -ลาว 40 ปี โดยทั้งหมดที่หารือกันนั้นได้มอบหมายให้พลเอกธนศักดิ์ ปฏิมาปะกรณ์ รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศติดตามความคืบหน้าในภาพรวมโดยมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูในรายละเอียดและรายงานให้ตนทราบการทำงานของแต่ละกระทรวงต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องช่วยลาวในหลายเรื่อง ทั้งการค้า การขยายการลงทุน ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเราพร้อมรับทุกประเทศที่จะมาตั้งและประกอบการในไทย เพราะเราเป็นศูนย์กลางอาเซียนในด้านกายภาพและภูมิศาสตร์ จึงต้องใช้ให้เต็มที่ด้วย และต้องให้เกียรติ ให้ความเท่าเทียมกันทุกประเทศ ลดความหวาดระแวง ให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกันเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศโดยเฉพาะตามแนวชายแดน
นายกฯ ยังกล่าวถึงการเข้าพบ พล.ท.จูมมาลี ไซยะสอน ประธานประเทศลาว ซึ่งสอบถามถึงพระอาการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นลำดับแรกและฝากถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งได้เล่าให้ประธานประเทศลาวทราบว่า มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงานผลการทำงานของรัฐบาลให้ทรงรับทราบ ทั้งนี้ ประธานประเทศลาวด ยังพูดถึงความขัดแย้งในอดีตว่ามีทุกพื้นที่ทั่วโลก แต่ไม่ควรติดกับดักความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมาซึ่งตนก็คิดตรงกัน เพราะเรื่องเหล่านี้มีผลต่อการค้าการลงทุนทั้งสิ้นหากมีความขัดแย้งไม่ว่าจะขัดแย้งกันเองหรือขัดแย้งภายนอกก็ไม่สามารถเดินหน้าประเทศต่อไปได้ 
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะที่ความร่วมมือกับเวียดนามได้พูดถึงการเดินทางโดยรถบัสเชื่อมโยงจากไทยไปฮานอยได้ และเชื่อมเส้นทางถนนระหว่างไทย ลาว และเวียดนามให้ได้ เป็นต้น มีการพูดถึงโครงการรถไฟและจุดที่จะเชื่อมต่อกัน ดังนั้นต้องมองจากภายในเข้ามาภายในประเทศ เราต้องเดินไปด้วยกันการค้าการลงทุนนั้นไม่ใช่ใครนำใคร แต่ต้องไปด้วยกัน ใครได้ก็ได้ด้วยกัน เพื่อไม่ให้ขัดแย้ง ดังนั้นไทยต้องปรับความเข้าใจและทัศนคติมุมมองต่าง ๆ ในเรื่องการค้าการลงทุน เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนไปมากแล้วอย่าคิดว่าเราจะเสียประโยชน์อะไร แต่ในทางกลับกันเราจะได้ประโยชน์มากขึ้นด้วยซ้ำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนให้ความสำคัญกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะมีบทบาทที่สำคัญในอนาคต ที่ต้องสอดคล้องกับเรื่องดิจิตัลอีโคโนมีที่เรากำลังจะทำ เพราะต้องใช้ระบบไอทีเข้ามาในการเรียนรู้ การศึกษา การค้าขาย ดังนั้นไม่เฉพาะการพัฒนาฮาร์ดแวร์เท่านั้นแต่เราต้องพัฒนาเรื่องซอฟแวร์ที่มีอยู่ด้วยเพื่อใช้ประโยชน์ในการค้าขาย การลงทุนต้องเร็ว โดยใช้เทคโนโลยี(ไอที)มาช่วยขึ้นทะเบียน ตรวจสอบการผ่านแดน การเฝ้าระวัง ทุกอย่างต้องใช้ไอที เพื่อลดขั้นตอนเวลา เรื่องใดที่ทำได้ทันทีจะเร่งดำเนินการ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศต้องเร่งเรื่องวีซ่า สมาร์ทการ์ด เพื่อรองรับการเดินทางติดต่อธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้เรามีเวลาเตรียมการเพียงปีเดียว เนื่องจากในปี 2558 เราจะเปิดประเทศหากระบบไอทีและการตรวจสอบคนเดินทางเข้าออก ระบบเฝ้าระวังเรายังไม่พร้อมจะเกิดปัญหาได้ 

logoline