svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ตม.เล็งถอนวีซ่า ต่างชาติ 193 ราย ตั้งแก๊งจดทะเบียนสมรสปลอม

14 พฤศจิกายน 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง แกะรอยขบวนการจดทะเบียนสมรสปลอม เตรียมยื่นถอดถอนวีซ่า ชายต่างชาติ 193 ราย จากกลุ่มต้องสงสัย 611 ราย เผยเป็นกลุ่มประเทศเป้าหมาย หวั่นเข้ามาตั้งแก๊งมิจฉาชีพ ค้ายาเสพติด

จากกรณี เจ้าหน้าที่สำนักงานทะเบียน ใน จ.ขอนแก่น ได้ลักลอบนำรายชื่อของหญิงไทย 611 คน ไปจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ จนถูกดำเนินคดีเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากหญิงไทยวัย 40 ปี ชาวจังหวัดขอนแก่น รายหนึ่ง ได้ยื่นจดทะเบียนสมรส แต่พบว่า ชื่อของเธอเอง ถูกนำไปจดทะเบียนสมรสกับชายชาวมาเลเซียไปแล้ว เมื่อปี 2554 ที่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู โดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง กระทั่ง ตำรวจสืบสวน จนรู้ว่ามีนายทะเบียนใน อ.โนนสัง เป็นผู้ลักลอบจดทะเบียนอย่างผิดกฎหมาย

ล่าสุด กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 ต.หนองบัวศาลา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ขยายผลจากคดีดังกล่าว โดย พล.ต.ต.ชาติชาย เอี่ยมแสง ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 เปิดเผยว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลใน อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู พบว่ามีรายชื่อชาวต่างชาติที่จดทะเบียนสมรส 611 ราย แต่เนื่องจาก รายชื่อทั้งหมดเป็นภาษาไทย จึงทำให้ตรวจสอบได้ยาก เพราะไม่สามารถตรวจสอบตามบัญชีรายชื่อ ที่เป็นภาษาอังกฤษในระบบได้ จึงต้องประสานขอเอกสารและหลักฐานข้อมูลอื่นๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบ

ขณะนี้ ทางสารวัตรตรวจคนเข้าเมือง จ.อุดรธานี ได้รายงานผลมาว่า สามารถยืนยันตัวบุคคล ตามพาสปอตได้แล้ว 193 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติในประเทศเป้าหมาย ที่ไทยไม่อนุญาตให้วีซ่าง่ายๆ โดยมีชาวอินเดียมากที่สุด นอกจากนั้น ก็เป็น ไนจีเรีย, เนปาล, คาแมรูน และอิหร่าน ส่วนใหญ่จะมาประกอบอาชีพค้าขายเล็กๆ น้อยๆ รวมทั้งตั้งแก๊งค์มิจฉาชีพ และค้ายาเสพติดด้วย

พล.ต.ต.ชาติชาย ระบุเหตุผลที่ชาวต่างชาติเหล่านี้ แจ้งจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงไทย คือ ต้องการขอวีซ่าอยู่ดูแลภรรยาชาวไทย ดังนั้นจึงเกรงว่า จะส่งผลให้เกิดอาชญากรรมต่างๆ สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยอย่างมากในอนาคต ดังนั้น ก็จะรายงานข้อมูลเหล่านี้ ไปให้ผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขออนุมัติ ให้ยกเลิกต่อวีซ่าบุคคลเหล่านี้ ในปีถัดไป ซึ่งชาวต่างชาติ ที่นิยมจดทะเบียนสมรสปลอมลักษณะนี้ ส่วนมากจะเป็นกลุ่มประเทศเป้าหมาย ที่ไทยต้องตรวจอย่างเข้มข้น และให้วีซ่ายาก ดังนั้นจึงทำให้เกิดการกระทำผิดดังกล่าว

เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนั้นจึงขอฝากถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกหน่วยงาน ว่าไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะหากตรวจสอบพบจะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายอาญา อีกทั้งในปีหน้า ทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จะเริ่มระบบสแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้าด้วย ซึ่งจะสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น และขอให้ประชาชนช่วยแจ้งเบาะแส การกระทำผิด ได้ที่สายตรง 1178 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง

logoline