คืบหน้าเจาะผนังลักทรัพย์เลอคองคอร์ด ตร.ยังไม่ตัดฝีมือคนนอก

จากกรณีมีคนร้ายลักทรัพย์บนชั้น 6 ของโรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง ซึ่งเปิดให้เช่าเป็นสำนักงาน มี 7 สำนักงานเช่าอยู่ได้แก่ 1.บริษัทศรีทองพาณิชย์จำกัด ตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์เนมจากประเทศญี่ปุ่นและสวิสเซอร์แลนด์ 2. บริษัทFLEXLINK SYSTEM PTE LTD. จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องจักรโรงงานประเภทสายพานลำเลียง 3.บริษัทไดอิชิ คินซูกุ (ประเทศไทย)จำกัด 4. บริษัทENFOURTECH จำกัด จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องจักรกล 5.บริษัทMOUSER จำกัด จำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ 6.บมจ.ซิมเทคโนโลยี ตัวแทนจำหน่ายกล่องทีวีดิจิตอล 7.บริษัทสำนักงานกฎหมายบุญเลิศและเพื่อน โดยคนร้ายทุบกำแพงกั้นห้องของทุกบริษัทเป็นปล่องพอดีตัวคนร้ายก่อนเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายใน เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 12 พฤศจิกายน ร.ต.ท.ชัยฤทธิ์ เชยชุ่ม พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า วันนี้ได้นัดตัวแทนและทนายความของบริษัททั้ง 7 แห่งมาสรุปมูลค่าความเสียหาย พร้อมทั้งจะสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อหาความเชื่อมโยงไปถึงตัวคนร้าย แต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ยังไม่มีตัวแทนของบริษัทใดเข้ามาพบแต่อย่างใด
ขณะที่พ.ต.ท.สุภัค วงษ์สวัสดิ์ รองผกก.สส. สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนกำลังลงพื้นที่เพื่อไล่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางตั้งแต่หน้าโรงแรมไปจนถึงถนนใหญ่ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี ขณะเดียวกันก็ประสานขอภาพวงจรปิดจากเจ้าหน้าที่โรงแรม ซึ่งยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการดูกล้องค่อนข้างมาก เนื่องจากมีกล้องจำนวนหลายตัว และต้องดูย้อนก่อนวันและเวลาที่เกิดเหตุย้อนหลังไปมาก เนื่องจากยังรู้สึกติดใจว่าจากรูปการณ์คนร้ายน่าจะเป็นคนใน เพราะรู้ตำแหน่ง จุดที่ตั้งของต่างๆในบริษัทค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามยังไม่ตัดประเด็นคนนอกทิ้งเช่นกัน โดยเชื่อว่าภาพจากกล้องวงจรปิดน่าจะให้รายละเอียดในข้อนี้ได้อย่างดี 
"กรณีที่ได้นำผู้ต้องสงสัยเข้ามาสอบปากคำนั้นลักษณะผู้ต้องสงสัยไม่ตรงกับผู้ที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดรวมถึงเวลาในกล้องวงจรปิดที่ได้ตรวจสอบระหว่างเวลาก่อเหตุของผู้ต้องสงสัยและคนร้ายไม่ตรงกัน จึงปล่อยตัวปล่อยไป เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบความเสียหายทั้งหมด 5ห้อง พบว่ามีทรัพย์บางส่วนในห้องหายไปทั้งหมด 4 ห้อง มีเพียง1ห้องที่ถูกรื้อค้นแต่ไม่ได้ทรัพย์สินในห้องไป สวนทรัพย์สินคนร้ายได้อะไรไปบ้างนั้นต้องตรวจสอบกับเจ้าของบริษัทดังกล่าวอีกครั้ง" พ.ต.ท.สุภัค กล่าว