พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เริ่มต้นภารกิจในเวทีเอเปคในวันที่ 10 พฤศจิกายน ด้วยการเข้าหารือทวิภาคี กับนาย ปีเตอร์ โอนีล นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ที่โรงแรม เลเจนเดลในกรุงปักกิ่ง
โดยระหว่างการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอบคุณผู้นำปาปัวนิวกินี ที่ให้การสนับสนุนไทยในการขับเคลื่อนประเทศ และการทำงานของไทยในเวทีต่างๆและในโอกาสที่ปาปัวนิวกินี จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคในปี 2561 นายกรัฐมนตรีของไทยบอกกับผู้นำปาปัวนิวกีนีว่าไทยพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่
สำหรับความร่วมมือระหว่างไทยกับปาปัวนิกินีต่อจากนี้ จะครอบคลุมหลายด้าน เช่น การทำประมง เนื่องจากปาปัวนิวกินีเป็นแหล่งปลาทูน่าที่ใหญ่ที่สุดของไทย รวมทั้งด้านการท่องเที่ยวที่ทั้งสองฝ่ายยังจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน เนื่องจากมีความพร้อมด้านแหล่งท่องเที่ยวทั้งคู่
ส่วนในด้านการลงทุนนั้น ผู้นำปาปัวนิวกีนี อยากให้ไทยส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในปาปัวนิวกีนี ขณะที่พลเอกประยุทธบอกให้ปาปัวนิวกีนีเสนอว่าอยากให้ไทยเข้าไปลงทุนในภาคส่วนใด หรือธุรกิจของปาปัวอยากเข้ามาลงทุนในภาคส่วนใดของไทย
และเรื่องสำคัญที่สุดที่มีการหารือกันระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ คือการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยผู้นำปาปัวนิวกินีขอให้ไทยสนับสนุนให้มีการตั้งสถานทูตปาปัวนิวกีนีในประเทศไทย
สำหรับการหารือทวิภาคีกับ นายเบนิกโน อาคิโน ประธานาธิบดีฟิลิปินส์นั้น ผู้นำฟิลิปปินส์บอกระหว่างหารือกับพลเอกประยุทธว่า ฟิลิปินส์ชื่นชมไทยในฐานะที่เป็นต้นแบบที่ดีในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการเกษตร ที่มีการจัดการผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ ผู้นายอาคิโนยังแลกเปลี่ยนแนวทางในการช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่ใช่ตัวเงิน โดยสิ่งที่ฟิลิปปินทำก็คือการเพิ่มอำนาจให้เกษตรกรติดต่อกับลูกค้าหรือผู้ซื้อได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง
ผู้นำฟิลิปินส์ยังกล่าวขอบคุณไทยสำหรับการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีต่างๆ และแนวคิดในการจัดการปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งฟิลิปปินส์ก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีความขัดแย้งภายใน และหวังว่าทั้งฟิลิปปินส์และไทยจะมีความร่วมมือมากยิ่งขึ้นในทุกด้าน โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนและการเยือนในระดับผู้นำ
ด้านนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าวถึงนโยบายปัจจุบันว่ามีทิศทางอย่างไร และแสดงความพร้อมที่จะขยายมูลค่าการค้า และส่งเสริมการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น พร้อมย้ำถึงการสร้างความเข้มแข็งภายในภูมิภาคอาเซียน
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีไทย เดินทางเข้าร่วมหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษกิจเอเปค ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติจีน พร้อมทั้งหารือกลุ่มย่อยกับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคและสมาชิกสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค โดยผู้นำไทยจัดอยู่ในกลุ่มที่ 3 ที่เข้าหารือพร้อมกับผู้นำญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเปรู