svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

อ.ส.ย.ประเดิมเงินกองทุนฯ ยางก้อนแรก 6 พันล้าน

30 ตุลาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อ.ส.ย.เตรียมประเดิมเงินกองทุนฯ บัพเฟอร์ ฟันด์ ยางพารา ก้อนแรก 6 พันล้านบาท เริ่มประมูลในตลาดกลางวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ หวังดึงราคายางสู่เป้าหมายกิโลกรัมละ 60 บาท

ผู้อำนวยการ องค์การสวนยาง หรือ อ.ส.ย. ชนะชัย เปล่งศิริวัธน์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารกองทุนมูลภัณฑ์กันชน หรือ บัฟเฟอร์ ฟันด์ยางพารา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาง
อ.ส.ย.คาดว่าจะใช้เงินกองทุนฯก้อนแรกประมาณ 6 พันล้านบาท จากกรอบวงเงินกองทุนฯทั้งหมดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และจะเริ่มเข้าประมูลยางพาราในตลาดกลางได้ตั้งแต่วันที่ 4พฤศจิกายนนี้ หรืออย่างช้าไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤศจิกายน เพื่อดึงราคายางพาราในประเทศให้สูงขึ้นสู่ระดับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ คือกิโลกรัมละ 60 บาทสำหรับหัวใจหลักของกองทุนฯ คือการซื้อมาและขายไป ซึ่งจะซื้อยางเข้ามากองไว้ในสต็อกเพียงอย่างเดียวไม่ได้ โดยในทางปฏิบัติการซื้อยางไม่ได้เป็นเรื่องยาก แต่การขายยางออกไป หากไม่มีหลักเกณฑ์ชัดเจน ข้าราชการจะไม่กล้าทำงาน เช่น กรณีที่ขายแล้วขาดทุนก็จะไม่มีข้าราชการกล้าตัดสินใจขาย และสุดท้ายจะมียางกองในสต็อกรัฐจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นภาระในการจัดการและมีปัญหาการตลาด
อ.ส.ย.จึงต้องจัดทำหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนรองรับการทำงาน โดยหลักการที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาคือ การกำหนดปริมาณสต็อกสูงสุดที่จะต้องนำยางออกขาย เช่น เมื่อ อ.ส.ย.รับซื้อยางเข้ามาต่อเนื่อง จนสต็อกยางสะสมเพิ่มขึ้นถึง 2 หมื่นตัน ให้สามารถนำออกขายในราคาตลาดได้ทันที เพื่อตัดปัญหายางพาราค้างในสต็อกสำหรับราคายางพาราในประเทศ ปัจจุบันยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากรัฐบาลอนุมัติ 5 มาตรการกระตุ้นราคายาง แม้ว่ารัฐบาลยังไม่ได้เริ่มเข้าซื้อยางในตลาด สาเหตุที่ราคายางปรับตัวสูงขึ้นเป็นผลจากพ่อค้าเร่งกว้านซื้อยางเพื่อเก็งกำไร โดยราคายางที่ตลาดกลางยางพาราสงขลาล่าสุด วานนี้ พบว่า ยางแผ่นดิบอยู่ที่กิโลกรัมละ 51.35 บาท เพิ่มขึ้น 37 สตางค์ ยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่กิโลกรัมละ 54.95 บาท เพิ่มขึ้น 75 สตางค์ และเศษยาง ณ โรงงานอยู่ที่กิโลกรัมละ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 50 สตางค์

logoline