"อาร์เอส" ฟ้อง"พ.อ.นที" บังคับถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2014

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 1 ต.ค.57 เวลา 11.00 น. บริษัทอาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) บริษัทในเครือ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เจ้าของลิขสิทธ์ ที่ได้รับอนุญาตจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ให้เป็นผู้เผยแพร่ภาพและเสียงการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี ค.ศ. 2014 แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ได้มอบอำนาจให้นายสุพรรณ เสือหาญ ทนายความ เดินทางมายื่นฟ้อง พ.อ.นที ศุกลรัตน์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายกับผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สืบเนื่องจากกรณีที่ได้มีการออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ.2555 และการกำหนดประเภทรายการลำดับที่ 7 ในภาคผนวก (Must Have -มัสต์แฮฟ) ที่กำหนดให้รายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจะต้องให้บริการเป็นรายการทั่วไป ซึ่งประกาศดังกล่าวมีผลกระทบต่อสิทธิของอาร์เอสบีเอสที่ได้รับอนุญาตจากฟีฟ่า ขณะที่ศาล ได้รับคำฟ้องไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
นายสุพรรณ เสือหาญ ทนายความของ บริษัทอาร์เอสฯ กล่าวว่า เมื่อมีการออกประกาศจะให้ใช้กฎมัสต์แฮฟกรณีการถ่ายทอดสัญญาณบอลโลกปี 2014 ผ่านฟรีทีวี ทำให้บ.อาร์เอสบีเอสไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยก่อนหน้านี้บ.อาร์เอสบีเอสได้ใช้สิทธิตามกฎหมายยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองวินิจฉัยการออกประกาศนั้น กระทั่งศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาว่ามีการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบในการบังคับใช้กฎมัสต์แฮฟดังกล่าวต่อบริษัท
"เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการโดยไม่ชอบและไม่เป็นธรรม บริษัทฯ จึงเห็นว่าควรจะต้องรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและเกิดการกระทำเช่นนี้อีก จึงมายื่นฟ้องคดีอาญาในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในการที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม เสมอภาค และรับผิดชอบต่อสิ่งที่กระทำไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นทำให้บริษัทได้รับความเสียหายและเดือนร้อนทั้งในแง่ของทรัพย์สิน ชื่อเสียงและเวลาที่ต้องใช้ในการต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ส่วนจะต้องมีการฟ้องคดีแพ่งด้วยหรือไม่ ทางบริษัทฯ ยังไม่ได้แจ้งความประสงค์มา " นายสุพรรณ กล่าว
นายสุพรรณ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ก็เป็นกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนที่บริษัทไม่ยื่นฟ้องกรรมการ กสท. ด้วยนั้น เนื่องจากเห็นว่า พ.อ.นที ประธาน กสท.เป็นผู้ที่ให้ข่าวเรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชนมากที่สุด