ผู้นำอังกฤษวอนสก็อตแลนด์ อย่าทำหัวใจสลาย

นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน รวมถึงนายเดวิด มิลลิแบนด์ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านและรองนายกรัฐมนตรีนิค เคลก แยกกันเดินสายรณรงค์ในสก็อตแลนด์เมื่อวาน ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนจะมีการลงประชามติในวันที่ 18 ก.ย. โดยคาเมรอน กล่าวต่อผู้ฟังที่ได้รับเชิญในบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งในเมืองเอดินเบอะระว่า เขาอาจหัวใจสลายได้หากครอบครัวสหราชอาณาจักรที่เคยอยู่ร่วมกันมาจะต้องแตกแยก และนักวิจารณ์ ระบุว่า คาเมรอนไม่กล้าเสี่ยงพูดต่อหน้าผู้ฟังที่ไม่ได้รับเชิญตามท้องถนน เพราะพรรคอนุรักษ์นิยมของเขาไม่ได้รับความนิยมนักในสก็อตแลนด์
ก่อนหน้านี้เขาได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์เดลี เมล์เรียกร้องให้ชาวสก็อตแลนด์อยู่ต่อในสหราชอาณาจักรเพื่ออนาคตที่สดใสขณะที่นายมิลลิแบนด์ ผู้นำพรรคแรงงานที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้ลงพื้นที่ในเมืองคัมเบอร์นอลด์ โดยเขาขอบอกจากสมอง หัวใจ และจิตวิญญาณว่า อยากให้ชาวสก็อตแลนด์อยู่ในสหราชอาณาจักรต่อไปเพื่อร่วมสร้รางความเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน
นอกจากนี้รองนายกรัฐมนตรีเคลก จากพรรคเสรีประชาธิปไตย ที่ไปพบปะชาวสก็อตแลนด์ในเมืองเซลเคิร์ค บริเวณชายแดนสก็อตแลนด์ โดยเตือนว่า หากสก็อตแลนด์แยกตัวเป็นเอกราช จะทำให้ทั้งสก็อตแลนด์และสหราชอาณาจักร อ่อนแอลง ยากจนลง และปลอดภัยน้อยลง
ทั้งสามพรรคการเมืองใหญ่ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มอำนาจปกครองตนเองให้กับสก็อตแลนด์หลังการลงประชามติหากชาวสก็อตแลนด์ยังเลือกอยู่ต่อกับสหราชอาณาจักร โดยคาดว่าจะสามารถอนุมัติกฎหมายได้ในเดือนม.ค.เพื่อแบ่งสรรอำนาจการจัดเก็บภาษีและการจัดสรรเงินสวัสดิการแก่สก็อตแลนด์
ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์เดอะ สก็อตส์แมน เป็นหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่รายล่าสุดของสก็อตแลนด์ที่ออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนการรณรงค์ภายใต้คำขวัญ Better Together อยู่ด้วยกันเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น หลังจากหนังสือพิมพ์แทบลอยด์เดลี เรคคอรด์ ที่มียอดตีพิมพ์มากเป็นอันดับสองในสก็อตแลนด์ประกาศนับสนุนการอยู่ต่อในสหราชอาณาจักรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของเซอร์เวชั่น ที่จัดทำให้หนังสือพิมพ์ เดลีเรคคอร์ด ระบุว่า มีผู้คัดค้านการแยกตัวเป็นเอกราช 53% แต่อีก 47% สนับสนุนก่อนหน้านี้ไม่กี่วันผลสำรวจหนึ่งพบว่าผุ้สนับสนุนการแยกตัวมีจำนวนมากกว่าผู้คัดค้านเป็นครั้งแรก ทำให้วิตกกันว่าสก็อตแลนด์อาจสิ้นสุดการเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักรที่ดำเนินมานาน 307 ปี
กลุ่มสนับสนุนการแยกตัวได้ใจชาวสก็อตแลนด์หลายคนที่ไม่พอใจนโยบายการตัดลดงบประมาณของรัฐบาลคาเมรอน แต่ในภาคธุรกิจเริ่มหวั่นวิตกต่อผลกระทบหากสก็อตแลนด์แยกตัวเป็นเอกราช และธนาคารสองแห่งในสก็อตแลนด์ที่มีรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นด้วย เตรียมแผนย้ายสำนักงานกลับอังกฤษ หากสก็อตแลนด์แยกตัวเป็นเอกราช
และหากผลประชามติหนุนแยกตัวเป็นเอกราช อังกฤษและสก็อตแลนด์จะใช้เวลา18 เดือนเจรจาทุกเรื่องตั้งแต่การแบ่งสรรผลประโยชน์เรื่องน้ำมันในทะเลเหนือ สมาชิกภาพในสหภาพยุโรป ฐานทัพเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอังกฤษที่อยู่ในสก็อตแลนด์การใช้เงินปอนด์ ภาระหนี้สิน และพรมแดน เป็นต้น