ชาติตะวันตกเพิ่มมาตรการลงโทษผู้นำรัสเซีย
ยูเครนและกลุ่มกบฏฝักไฝ่รัสเซีย ดำเนินการข้อตกลงสงบศึกชั่วคราววันนี้ ที่อาจระงับการต่อสู้นองเลือดนาน 5 เดือน ขณะที่ผู้นำชาติตะวันตกตัดสินใจเพิ่มมาตรการลงโทษผู้นำรัสเซียที่ให้การสนับสนุนฝ่ายกบฎ
ข้อตกลง 12 ประการที่ลงนามเมื่อวานนี้ในกรุงมินสก์ เมืองหลวงของเบลารุส ถือเป็นข้อตกลงแรกที่ได้รับการสนับสนุนจากทั้งรัสเซียและยูเครน นับตั้งแต่กลุ่มติดอาวุธเข้ายึดอาคารของรัฐทั่วใจกลางอุตสาหกรรมของยูเครนเมื่อต้นเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้นำชาติตะวันตกที่ยังกังขาในรัสเซีย ตัดสินใจลงโทษประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่พยายามสนับสนุนกลุ่มกบฏ ด้วยการเพิ่มมาตรการลงโทษต่อบริษัทต่าง ๆ ของรัฐบาลรัสเซียที่มีความสำคัญ
แต่ด้วยการที่กลุ่มกบฎดูเหมือนจะได้เปรียบในช่วงที่ผ่านมา และรัสเซียที่แสดงท่าทีท้าทายผลของมาตรการลงโทษก่อนหน้านี้ ข้อตกลงสงบศึก จึงไม่อาจรับประกันว่าความไม่สงบทางตะวันออกของยูเครนจะสิ้นสุดลง
มาตรการที่เป็นการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป พุ่งเป้าไปที่ภาคการป้องกันและพลังงานที่สร้างเงินให้กับรัสเซีย ขณะเดียวกันก็เล็งไปที่เศรษฐกิจโดยรวมของรัสเซีย ด้วยการจำกัดความสามารถของรัสเซียในการระดมทุนจากตะวันตก
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐ บอกว่า จำเป็นต้องดำเนินมาตรการเหล่านี้ เพื่อให้แน่ใจว่ารัสเซียจะดำเนินการตามแผนสงบศึก แม้ว่าชาติตะวันตกยังกังวลว่าความพยายามก่อนหน้านี้ที่ใช้กดดันประธานาธิบดีปูติน ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทูตแห่งสหภาพยุโรป บอกว่า ข้อตกลงโดยหลักการว่าด้วยมาตรการลงโทษครั้งใหม่นี้ จะดำเนินการเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการในวันจันทร์
และนาโตก็อนุมัติ กองกำลังส่วนหน้าเคลื่อนที่เร็วหลายพันนาย ในการประชุมที่แคว้นเวลส์ของสหราชอาณาจักร ที่จะยังคงประจำการอยู่ทางตะวันออกของชาติยุโรป ที่มองเจตนาของประธานาธิบดีของปูตินด้วยความกังวล
ด้านเลขาธิการนาโต นาย แอนเดอร์ส ฟอกห์ ราสมุสเซน บอกว่า การตัดสินใจครั้งนี้ส่งสัญญาณชัดเจนว่านาโตจะปกป้องพันธมิตรทั้งหมดตลอดเวลา