เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 26 สิงหาคม ที่ห้องศรียานนท์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปจร.ตร.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบช.น. เปิดตัวโครงการปฏิทินหมายจับ The Most Wanted by ศปจร.น. โดยมี สมาคมประกันวินาศภัยไทย ชมรมสินไหมยานยนต์ สนับสนุนเงินรางวัลนำจับให้แก่ผู้แจ้งเบาะแสเมื่อสามารถจับกุมผู้ต้องการตามปฏิทินหมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พล.ต.อ.สมยศ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง หรือเอ็มโอยู กับ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และมูลนิธิกระจกเงา และสมาคมประกันวินาศภัย เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การติดตามการแจ้งและจับกุมผู้ต้องหาตามปฏิทินหมายจับ The Most Wanted by ศปจร.น. และ ข้อมูลคนหาย ผ่านสื่อ ดิจิตอล บิลบอร์ด ของ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ที่ติดตาม 4 แยกต่างๆ ในกทม. โดยมี พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ10) ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคนหายและศพนิรนาม พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รองผอ.ศูนย์ และข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล 88 สถานี ร่วมเป็นสักขีพยาน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ได้ประสานกับบริษัทแพลนบีฯ เพื่อนำภาพคนหาย เผยแพร่ผ่านจอแอลอีดี ของบริษัทแพลนบีที่ติดอยู่ทั่วกรุงเทพฯมาตั้งแต่ปี 2556 แต่ยังไม่มีการประชาสัมพันธ์เนื่องจากยังรอดูผลตอบรับ ซึ่งได้ผลดีมีการตามหาเด็กหายได้จากการประชาสัมพันธ์ผ่านจอภาพโฆษณา กระทั่งครั้งนี้พล.ต.ท.จักทิพย์ และพล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวส รองผบช.น. ในฐานะ หัวหน้าศปจร.น.มีแนวคิดนำหมายจับผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถ มาเผยแพร่ผ่านจอแอลอีดีโฆษณาด้วยเพื่อให้ประชาชนเป็นส่วนช่วยในการสืบหาคนร้าย โดยได้ปรึกษาหารือกับศาลแล้วว่าสามารถเผยแพร่หมายจับได้ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวน โดยในอนาคตข้างหน้าจะพัฒนานำภาพรถหายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ด้วย เป็นการใช้ช่องทางสื่อให้เป็นประโยชน์ในการทำงาน มองว่าเป็นการดึงภาคเอกชน เข้าช่วยเหลืองานตำรวจ นำเทคโนโลยีมาใช้ช่วยงานให้ตำรวจสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นการคิดใหม่ คิดต่าง ทำต่าง โดยจะเริ่มจากในกทม.และขยายไปทำแบบเดียวกันในเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ หาดใหญ่ พัทยา ภูเก็ต ต่อไป
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ปัญหาการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ มีแนวโน้มสูงขึ้น น่าเป็นห่วง เกิดจากความต้องการรถของประเทศเพื่อนบ้าน และความต้องการใช้อะไหล่รถมือสอง อีกทั้งการนิยมรถสวมซาก ก็เป็นอีกปัจจัยของรถหาย ซึ่งขณะนี้ ศปจร. สามารถรวบรวมหลักฐานรถที่ถูกโจรกรรมแล้วนำสวมซากได้กว่า 600 คันแล้ว ทั้งนี้ขบวนการโจรกรรมรถนั้นคนร้าย พัฒนารูปแบบการก่อเหตุ มีการใช้ความชำนาญเฉพาะด้าน มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขั้นตอน และในบางครั้งมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องในขบวนการกระทำผิดนี้ด้วย ส่วนกรณีความร่วมมือว่าด้วยการประชาสัมพันธ์ข้อมูลคนหาย เป็นความต่อเนื่องที่เกิดขึ้นจากการที่ ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนตร์ รถจักรยานยนต์ สายด่วน 1192 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติรับแจ้งเหตุ รถหายประจำศูนย์ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด
ด้านพล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า การทำปฏิทินหมายจับผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถ และการนำภาพหมายจับเผยแพร่ผ่านสื่อบิลบอร์ดเพื่อให้คนไม่ดีไม่มีที่ยืนในสังคม ให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาและกระตุ้นให้ตำรวจตามจับกุม เพราะคดีรถหายยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะรถกระบะ รถเก๋ง ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมของตลาด มักถูกโจรกรรม ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากสมาคมประกันวินาศภัยร่วมลงขันรางวัลนำจับผู้ต้องหาตั้งแต่ระดับสั่งการ ไปจนถึงระดับปฏิบัติการ โดยแบ่งหมายจับเป็น 3กลุ่ม ตามรางวัลนำจับ ตั้งรางวัลนำจับ 50,000 บาท 10 ราย รางวัลนำจับ 30,000 บาท 20 ราย และรางวัลนำจับ 15,000 บาท 20 ราย เชื่อว่าหลังหมายจับแพร่ตามสื่อต่างๆ จะทำให้สามารถตามจับกุมผู้ต้องหาได้