ทั้งนี้ สำหรับกรณีการเชิญตัวลูกจ้างเทศกิจรายนี้มาสอบปากคำ สืบเนื่องจากกลุ่มลูกวินจักรยานยนต์รับจ้างจุดดังกล่าว ได้ร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร ว่า ที่ผ่านมา จะต้องเสียเงินค่าจอดรถบนทางเท้าให้กับเจ้าหน้าที่เทศกิจ เขตบางรัก เป็นเงิน 250 บาทต่อคนต่อเดือน รวมลูกวินทั้งหมด 24 คน หากรายใดไม่ยอมจ่ายเงินก็จะถูกนำจักรยานยนต์ขึ้นรถกระบะของเทศกิจ ไปดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด ที่สำนักงานเขต ซึ่งมีอัตราโทษปรับ 500-1,000 บาท ทำให้ลูกวินแห่งนี้ หวั่นเกรงว่าจะถูกดำเนินคดีจึงยอมจ่ายเงินค่าจอดจักรยานยนต์โดยจะมีนายประสิทธิ์ อุปนันท์ อายุ 53 ปี หัวหน้าวิน เป็นผู้รวบรวมเงินไปจ่ายให้ หากเดือนไหนเก็บเงินยังไม่ครบก็จะต้องโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนายนพ แทน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ทหารได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้พบว่ามีการกระทำผิดซึ่งเป็นการฝ่าฝืนนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยทางลูกวินที่จ่ายเงินด้วยวิธีการโอนเข้าบัญชีธนาคารของนายนพ ได้เก็บหลักฐานสลิปการโอนเงิน เอาไว้ เมื่อมีหลักฐานเป็นที่แน่ชัดแล้ว เจ้าหน้าที่ทหาร จึงเชิญตัวนายนพ จากสำนักงานเขตบางรัก มาส่งมอบพนักงานสอบสวน บก.ป.ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้น นายนพ ให้การรับสารภาพว่า เรียกเก็บเงินส่วนดังกล่าวจริง แต่ยังไม่ยอมเปิดเผยว่า ร่วมกับใครบ้างและต้องนำเงินจำนวนนี้ไปส่งให้กับใครอีกบ้าง
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการเรียกเก็บเงินค่าจอดจักรยานยนต์ของวินต่างๆ ในพื้นที่เขตบางรัก ยังมีอีกนับสิบแห่ง โดยแต่ละจุดมีข้อแตกต่างกัน หากเป็นจุดที่จำเป็นต้องจอดบนฟุตปาธแทนถนนใหญ่ที่มีรถวิ่ง ก็จะมีการเรียกเก็บเงิน 200-300 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งเงินส่วนนี้ทางลูกจ้างเทศกิจจะต้องนำไปส่งให้กับเจ้านาย หรือฝ่ายเทศกิจสำนักงานเขต จึงเชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมกระทำผิดที่เหนือไปจากลูกจ้างเทศกิจรายนี้ด้วย
พ.ต.ท.นทธีฤทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้กักตัวนายนพ ไว้ที่ห้องขัง บก.ป.โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มีกำหนดเวลา 7 วัน อย่างไรก็ดี หากการสอบสวนผู้ร้องและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เสร็จสิ้นแล้วก็จะประสานแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร โดยล่าสุดทาง พ.ท.บุรินทร์ ระบุว่า จะทำหนังสือถึงพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีและจะคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังในวันที่ 13 สิงหาคมนี้ ส่วนการขยายผลทางคดีก็จะดำเนินการต่อไป