svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

รายงานจากฮ่องกง...ตามติด ชีวิตนักตบ World Grand Prix

10 สิงหาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เรื่องราวดีๆ มักเกิดขึ้นในทุกช่วงจังหวะชีวิต แม้ในยามพลาดหวังกับเรื่องบางเรื่อง


ปรีชาชาญ วิริยานุภาพพงศ์  บรรณาธิการข่าวกีฬา นสพ.เดอะเนชั่น ยังคงเดินหน้าถ่ายทอดเบื้องหน้าเบื้องหลังของทีมวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ชุดสู้ศึก World Grand Prix  สนามสอง ที่ฮ่องกง โดยล่าสุดเมื่อวานนี้  (10 ส.ค. 57) ได้โพสต์ในหน้าเพจ  "เรื่องเล่า... ตามติด ชีวิตนักตบ World Grand Prix 10 สิงหาคม เรื่องราวดีๆ มักเกิดขึ้นในทุกช่วงจังหวะชีวิต แม้ในยามพลาดหวังกับเรื่องบางเรื่อง
วันนี้ทำข่าววอลเลย์บอลคู่ระหว่างไทยกับอิตาลี ผมยอมรับตรงๆว่าก่อนหน้าที่จะเริ่มการแข่งขัน ผมคิด... มันมีอะไรหลายๆอย่างบ่งบอกว่าเราไม่น่าจะสู้อิตาลีได้ แต่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านๆมา ผมก็ภาวนาว่าหากจะแพ้ ก็ขอให้เต็มที่กับมัน เพราะหากพลาดท่าพ่ายแบบไม่เป็นท่า มีคนที่ไม่หวังดี คอยจ้องจะหาเรื่องมาดูถูก มาทำลายชื่อเสียงดีๆของตบยางสาวไทย ที่แฟนคลับกองเชียร์ชาวไทยเขาต่างรักและติดตามเชียร์ด้วยใจที่ทั้งชื่นชอบและชื่นชม
และตบยางสาวไทยก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย ทุกคนเต็มที่กับเกมวันนี้มากๆ ผมพูดโดยไม่ต้องมีใครมาจ้างให้เขียนเชียร์หรือต้องเลียขาใคร เพราะผมติดตามทีมนักตบลูกยางสาวทีมชาติไทยไปแข่งขันยังต่างประเทศ ปีนี้เป็นปีที่ 12 แล้วครับ ได้รู้ได้เห็นว่านักกีฬาเขาทุ่มเท มานะบากบั่นและพยายามมากมายเพียงใด เคยได้ยินเสียงหัวเราะเมื่อทีมได้รับชัยชนะ ได้เห็นใบหน้าเปื้อนทุกข์ เมื่อทีมปราชัย และเคยแม้แต่เห็นนักกีฬามีหยาดน้ำตาไหลอาบแก้มในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ พลาดโอกาสในการไปแข่งโอลิมปิค เพียงเพราะการเจตนาโกงโดยไม่ตั้งใจของทีมบางทีม
ทุกคนดูเหมือนจะยอมรับชะตากรรมตั้งแต่ตบยางสาวไทยยังไม่เริ่มแข่งด้วยซ้ำว่าโอกาสที่จะเอาชนะทีมที่เราไม่เคยชนะเลยอย่างอิตาลี มันจะยากเย็นแสนเข็ญ เป็น mission impossible ไปได้ยังไง 
เหตุผลมันไม่ใช่แค่ว่าเราไม่เคยชนะอิตาลี แต่เป็นเพราะตบยางสาวไทยรู้สึกล้ามาจากเกมที่เจอจีนเมื่อคืนวันศุกร์ เพราะเป็นเกมหนัก ที่สำคัญ แข่งต่อเนื่องจนดึก กว่าจะจบการแข่งขันก็สี่ทุ่มกว่า ส่งผลให้ทานอาหารค่ำตอนดึก และกว่าจะได้อาบน้ำนอนก็ปาไปตี 1 ตี 2 ไปแล้ว และในวันนี้สาวไทยก็มีแข่งกับอิตาลีตอนบ่ายโมงเศษอีก เวลาพักผ่อนก็เลยไม่พอ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุผลทีทำให้ผมคิดในใจก่อนเกมจะเริ่มด้วยซ้ำว่าสาวไทยน่าจะไม่รอดสามเซ็ต แต่..เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ผมแทบไม่เชื่อว่าตบยางสาวไทยเราจะเล่นได้ดี เมื่อพิจารณาจาก "อุปสรรคต่างๆหลายเหตุผลที่คอยบั่นทอนความตั้งใจที่จะเล่นให้ดีที่สุดของสาวไทย" 
อิตาลีทั้งตีหนัก บล็อคอยู่ เสริฟเจ๋ง เกมรับเหนียวแน่น ..และอื่นๆอีกมากมายที่หลายคนคงคิดแต่ต้นว่า "สาวไทยสู้ไม่ได้หรอก" ผมก็เห็นด้วยครับว่าสู้ไม่ได้หรอก แต่ตบยางสาวไทยได้สู้เต็มที่แล้วจริงๆ การที่รู้ว่า "ทำไม่ได้...แต่ไม่กล้าทำ" กับการที่รู้ว่า "ทำไม่ได้..แต่ได้ลองทำและทำออกมาอย่างดีที่สุด" นั้นมันคนละเรื่องเลย ใช่หรือปล่าว
แม้สาวไทยเราจะแพ้สามเซ็ตรวด แต่ผมก็คิดว่าเป็นการแพ้ที่ไม่แพ้ เพราะพวกเธอทำเต็มที่แล้ว งัดเทคนิคแทคติกมาต่อสู้กับทีมที่ได้ชื่อว่า "ทีมแกร่ง" เพราะไม่ใช่ทีมที่การันตีแค่ว่าเป็นทีมอันดับ 4 โลกเท่านั้น แต่ยังเป็นแชมป์ World Cup สองสมัยติดคือปี 2007 และ 2011และยังเคยคว้ารองแชมป์ World Grand Prix สองปีซ้อนในปี 2004 และ 2005 เพราะงั้น การที่ได้ทำเต็มที่แล้วแต่แพ้ก็ถือว่าพวกเธอกล้าที่จะยอมรับความจริงว่าพวกเธอแพ้ในเกมกีฬา แต่การเล่นอย่างมีสปิริต สู้อย่างไม่ท้อถอย นี่แหละที่ทำให้ชนะใจคนไทยทั้งประเทศ
แม้แพ้..แต่ทีมนักตบลูกยางสาวไทยก็ไม่ได้เดินคอตกออกจาก Hong Kong Coliseum นักกีฬาทุกคนยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ก็ภูมิใจที่ได้ทำเต็มที่และไม่เสียใจในสิ่งที่คิดว่าได้พยายามทำอย่างเต็มความสามารถแล้ว
กลับมาโรงแรม แยกย้ายกันทานอาหารเที่ยงแล้วได้พักผ่อนกันยาวเลย เพราะโค้ชอ๊อตนัดทานอาหารค่ำสองทุ่มตรง ผมเองกลับไปเขียนข่าวส่งที่ทำงานและเขียนรายละเอียดอื่นๆเพื่ออัพเฟซบุ๊ค ช่วงเย็นๆไม่มีอะไรทำ เลยดอดไปเข้าฟิตเนตเรียกเหงื่อและเสริมกล้ามซะหน่อย อุตส่าห์ "แอบ" เข้าไป ปั่นจักรยานอยู่ได้ไม่นาน เล็ก กรรณิการ์ก็เข้าไปวิ่งจ๊อกกิ้งด้วย และอีกสักพัก "ซุปตาร์หน่อง" ปลื้มจิตร์ก็เดินเข้าไป หน่องลงไปฟิตเนตเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย ปะหน้ากันเลยถาม "หายดียัง..หน่อง" เธอตอบ "หายเกือบปกติแล้วค่ะ ยังมีตึงนิดหน่อย" เห็นหน่องเดินเท้าเปล่า ไม่มีผ้าไม่มีแผ่นคาดตามขาตามน่อง ผมก็ใจชื้นขึ้นมาก อยากให้เธอได้ลงสนามเร็วๆ
 แต่เจอคุณหมอเรื่องศักดิ์ ศิริผล แพทย์ประจำทีมตบยางสาวไทย คุณหมอบอก "ก็หายประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นแล้วล่ะ แต่หากจะให้ดีควรหายประมาณ 70 เปอร์เซ็นขึ้นไป เพื่อจะได้มั่นใจว่าอาการปวดจะไม่กลับมาอีก แต่หากให้ลงสนามตอนนี้ก็เสี่ยงเกินไป หากจะให้ปลอดภัยที่สุด ควรหยุดพักสนามฮ่องกงนี้ไปเลย ไปรอลงแข่งที่สนามสาม กรุงเทพฯ เลยดีกว่า
ก็คงต้องให้อยู่ในดุลยพินิจของโค้ชอ๊อตต่อไปว่าจะให้หน่องได้กลับมาร่วมทีมเมื่อไหร่และแม็ทช์ไหน หน่องเองก็พยายามดูแลตัวเองเพื่อให้การกลับมาครั้งใหม่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ก็คงต้องเอาใจช่วยเธอนะครับ ไม่ว่าเธอจะพร้อมกลับมาเมื่อไหร่ พวกเราก็คอยให้กำลังใจเสมอ
ผมโชคดีมากที่ไม่เคยเข้าไปอ่านการวิจารณ์ของ "ผู้รู้" หรือ "กูรู" วอลเลย์บอลตามกระทู้ต่างๆในเว็บบอร์ด เพราะเคยเข้าไปอ่าน ผมรู้สึกเหมือนเป็นการ" ติเพื่อทำลาย" มากกว่าที่จะ "ติเพื่อก่อ" แต่สิ่งที่ไม่รู้ก็ทำให้ต้องรับรู้โดยไม่ได้เจตนา หลังจากที่ตบยางสาวไทยพ่ายอิตาลีสามเซ็ตรวดในวันนี้ มีคนเอามาแปะตามเฟซต่างๆ โดยกล่าวตำหนินักตบลูกยางสาวไทยว่าเล่นไม่ดี เล่นไม่ได้เรื่อง แพ้ตลอด และอีกหลายคำพูดที่ปนคำหยาบคาย ผมว่านะครับคนเหล่านี้ไม่เคยเข้าใจคำว่า "เกมกีฬา" ไม่เข้าใจคำว่า "แพ้-ชนะ" ไม่เข้าใจว่าการแข่งขันกีฬามันเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่จะมีคนแพ้และมีคนชนะ หากเราไม่ชนะ เราก็แพ้ ก็แค่นั้นเอง เป็นเรื่องธรรมดา แต่คนเหล่านี้คิดถึงแต่ว่าทำยังไงก็ได้ แต่ต้องชนะอย่างเดียว โธ่ มุ่งหวังแต่จะชนะแบบนี้ คุณก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่งแล้วล่ะครับ...
และหลังจากนั้นไม่นาน ก็มีน้องสาวคนหนึ่งเป็นครูดอยอยู่อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน คงจะไปเจอะเจอคำพูดดูถูกเหยียดหยามฝีมือนักตบลูกยางสาวไทยตามเว็บบอร์ดต่างๆ ก็เลยสละเวลาเขียนกลอนเปล่าระบายความอัดอั้น และขณะเดียวกันก็เป็นกำลังใจให้ตบยางสาวไทยด้วย
เชื่อมั๊ยครับ แค่อ่านได้ครึ่งท่อนแรก ทุกคำที่ผ่านสายตา อ่านแล้วแฝงด้วยพลังใจ ที่ทำให้ผมขนลุก และน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง เพราะมันกินใจมาก ยิ่งมีภาพประกอบเด็กตัวเล็กๆดูการถ่ายทอดวอลเลย์บอลของสาวไทยอยู่ ผมก็ยิ่งรู้สึกเปี่ยมสุขมากมาย น้องสาวคนนี้คลิ๊กมาบอกผมว่าเด็กนักเรียนดูทุกวันที่มีการถ่ายทอด เด็กๆชอบนักตบลูกยางสาวไทยมากและจะเป็นกำลังใจให้ รับรู้ถึงความรู้สึกของ "คนที่ไม่สำคัญกับวงการวอลเลย์" ที่บังเอิญกลายมาเป็น "คนที่สำคัญคนหนึ่ง" ที่กำลังใจของเธอชนะใจคนส่วนใหญ่ของสังคม แค่ผมนำคำกลอนเปล่าที่เธอแต่งเองขึ้นมาอัพในเฟซบุ๊คของผมได้ไม่นาน ประมาณหกชั่วโมง มีคนมาตามกดไลค์มากถึง 5,900 กว่าไลค์ และยังมีการแชร์ไปอีกกว่า 1,460 แชร์ โอ พระเจ้า แทบไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่ากลอนเปล่าของครูดอยคนนี้กับภาพน่ารักของเด็กนักเรียนที่ดูการถ่ายทอดสดวอลเลย์บอล World Grand Prix เที่ยวนี้จะมีอิทธิพลต่อความชอบหรือความไม่ชอบของคนในสังคมไทยมากมายขนาดนี้
ผมอ่านกลอนซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ เขียนง่ายๆ ไม่มีสัมผัสนอกสัมผัสในอะไรมากนัก แต่เวลาอ่านมันรู้สึกไปถึงส่วนลึกของหัวใจจริงๆ คนที่เคยดูถูกเหยียดหยามตบยางสาวไทยคงรู้สึกอายที่แม้แต่ "เด็กเล็กๆ" ก็คิดได้ระลึกได้ถึง "ความรักและความทุ่มเทต่อชาติ และการทำหน้าที่เพื่อประเทศไทย"
ผมอมยิ้มอย่างมีความสุขแล้วละครับกับวันนี้ วันที่สาวไทยเราพ่ายอิตาลีไปสามเซ็ตรวด ความทกข์เกิดกับเราได้ไม่นาน ความสุขก็มาเยือน และยิ่งได้รับข่าวดีเรื่อง "ยายนา" วรรณา บัวแก้ว ลิเบอโร่ทีมตบยางสาวไทยได้รับรางวัล "ลูกกตัญญู" กับอีกหนึ่งข่าวดีที่โค้ชอ๊อตจะเข้ารับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาพลศึกษา จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ยิ่งทำให้เป็นการเพิ่มพูนความสุขที่มีมากขึ้นตามไปด้วย คืนนี้ผมคงมีความสุข นอนหลับอย่างสบายใจได้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจว่าเราเคยแพ้ทีมใดมาบ้าง คิดว่าเราจะเอาชนะทีมที่เหลือได้อย่างไร นั่นสิสำคัญกว่า ส่วนความสุขที่ได้รับรู้เรื่องราวดีๆนี้ ก็ถือซะว่าเป็นของขวัญก่อนทีมนักตบลูกยางสาวไทยจะเดินทางกลับสู่มาตุภูมิในวันจันทร์นี้ก็แล้วกัน...นะครับ

logoline