นศ.พยาบาลผวาปรับแผนชีวิตยึดเป็นบทเรียนหลังเสียเพื่อนเหยื่อไฟใต้

วันนี้ (11 ก.ค.)น.ส.พิรญาณ์ ชูศรี อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดยะลา และเพื่อนร่วมชั้นนางสาวสุธีรา เพ็ชรจันทร์และนางสาวกุลรดี เพชรมาก ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตขณะเดินซื้อของในตลาดนัด อ.ยะหา จ.ยะลา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้ง 2 รายสร้างความเสียใจให้กับเพื่อนๆอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ทำให้นักศึกษาที่เหลืออยู่จำนวน 9 คนรู้สึกกลัวหวาดผวาและเสียขวัญต่อสถานการณ์รอบข้างอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้มีสิ่งผิดปกติใดๆที่แสดงให้เห็นว่าการอยู่ในพื้นที่อำเภอยะหา โดยเฉพาะโรงพยาบาลและพื้นที่ใกล้เคียงจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากวิถีชีวิตความเป็นอยู่การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปตามปกติไม่ว่าจะเป็นพี่น้องชาวไทยพุทธหรือมุสลิมก็ตาม
สำหรับตนเองเป็นคนพื้นเพ พัทลุง ที่ตั้งใจมาเรียนพยาบาลหลักสูตร4 ปีที่วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดยะลา แต่หลังจากเข้ามาใช้ชีวิตในพื้นที่นานกว่า 2ปีไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรที่น่ากลัว แม้กระทั่งถูกส่งมาฝึกงานที่รพ.สมเด็จพระยุพราช อ.ยะหา ก็เป็นเรื่องปกติ แม้จะรู้ว่าเป็นพื้นที่รอบนอกและจัดอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสีแดงแต่มั่นใจว่าด้วยการเป็นนักศึกษาพยาบาลจะมีความปลอดภัยเพียงพอ นอกจากนี้ในการใช้ชีวิตตลอด7-8วันที่เริ่มฝึกงานก็คำนึงถึงความปลอดภัยโดยจะมีมาตรการที่กำหนดไว้ร่วมกันเพื่อความปลอดภัยระดับหนึ่ง โดยเฉพาะการออกนอกพื้นที่โรงพยาบาลเป็นกฎข้อห้ามสำคัญกรณีหากต้องออกไปในระยะทางไกลๆหรือใช้ยานพาหนะในการเดินทาง แต่กรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เพราะเป็นพื้นที่ใกล้โรงพยาบาลและปกติก็เดินซื้อของกันทั่วไปตามวิถีชีวิต แต่พอเกิดเหตุขึ้นทำให้ไม่มั่นใจในความปลอดภัย
"ดีใจที่วิทยาลัยฯยุติการฝึกงานและให้นักศึกษาทั้ง 9 คนเดินทางกลับเนื่องจากยอมรับว่าทุกคนกลัวและไม่ไว้ใจสถานการณ์ในพื้นที่ และหลังจากนี้อาจต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้มีความปลอดภัยมากขึ้นและให้ครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์และบทเรียนไม่ให้เกิดขึ้นอีก" น.ส.พิรญาณ์ กล่าว
เช่นเดียวกับน.ส.ศริพร ยิ่งคำนึง เพื่อนร่วมชั้นอีกราย กล่าวว่า พื้นเพเป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราชตั้งใจมาเรียนพยาบาลที่ผ่านมาพยายามใช้ชีวิตบนความไม่ประมาท เมื่อมีรายชื่อมาฝึกงานในพื้นที่อ.ยะหาพร้อมกับเพื่อนอีก 11 คนก็ไม่ได้คิดกลัวเพราะเชื่อว่าด้วยอาชีพที่ทำน่าจะปลอดภัยและไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ซึ่งหลังเกิดเหตุยอมรับว่ากลัวและทำให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวยิ่งขึ้นอีกเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อาจเกิดความไม่ปลอดภัยได้ทุกเวลา
ขณะที่น.ส.พัชรินทร์ จุลภักดิ์  กล่าวยอมรับว่ากลัวและไม่ไว้ใจสถานการณ์ในพื้นที่ แต่เบื้องต้นต้องพยายามทำใจเพื่อสู้ต่อไป เนื่องจากเรียนมานานกว่า 2 ปีจะทิ้งไปเฉยๆนั้นคงทำไม่ได้ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรหรือมีมาตรการดูแลความปลอดภัยในรูปแบบไหนนั้นให้เป็นเรื่องของสถานบันการศึกษา โดยเชื่อว่าหลังจากนี้อาจต้องใช้เวลาเยียวยาจิตใจสักพักก่อนกลับไปใช้ชีวิตปกติ