รวบแก๊งไม้พะยูง 5 คน 115 ท่อน รถ 3 คันมูลค่า 11 ล้าน

เมื่อเวลา 06.00น. วันที่ 21 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 เจ้าหน้าที่ปกครอง  ป่าไม้  อส.ภูสิงห์ นำโดยร้อยเอกนิมล  มงคลลัภย์   ผบ.ร้อยร.1611  ฉก.3 ร่วมนายสรศิริ จันดีบุตร ปลัดอำเภอป้องกันภูสิงห์ นายอาทิตย์ จันทเสน หัวหน้าหน่วยรักษาป่าทิศตะวันออก สนธิกำลังทหาร ป่าไม้ อส. จำนวน 20 นาย ได้ำนกำลังเข้าจับกุมรถขนไม้พะยูงถากกลม/เหลี่ยมเต็มคันรถพร้อมรถยนต์ 3 คัน ที่ถนนกลางหมู่บ้านจำปานวง หมู่ที่ 3 ตำบลดงรัก อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ  หลังได้รับรายงานว่ามีการเตรียมค้าไม้พะยูงลำเลียง นำส่งนายทุนประเทศเพื่อนบ้าน ไปถึงที่เกิดเหตุพบรถยนต์ 3 คัน เป็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนด์เงิน รถยนต์นิสันตอนเดียวสีแดง และรถแลนโรเว่อร์ สีเทา วิ่งลงมาจากที่ซื้อขายไม้พะยูงวิ่งตามกันมาอย่างมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้นเข้าทำการจับกุม  พบภายในรถยนต์ยี่ห้อโยต้า สีบรอนด์เงิน ตอนเดียวบรรทุกไม้พะยูงเต็มคัน ได้ทำการจับกุมรถขนไม้พร้อมไม้พะยูงคาหนังคาเขา ทั้งรถนำทาง และผู้ต้องหาชายหญิง จำนวน 5 คน ประกอบด้วย1.นายสิริชัย  ฐานิตสรณ์  อายุ  32  ปี2.นายวิโรจน์  สุทธิโท     อายุ  34  ปี3.นายอรรพล  แสนสุข    อายุ  21  ปี4.นายสุพิษ  โพธิ์ศรี        อายุ  58  ปี5.นางนพรัตน์   โพธิ์ศรี    อายุ  54  ปี
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เตรียมขนไม้นำส่งนายทุนใหญ่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีการสับเปลี่ยนคนขับรถคุ้มกันเป็นทอด ๆ ไม้สุดท้ายอยู่ที่อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธรลำเลียงส่งนายทุนเพื่อนบ้านฝั่งโขง จากการตรวจสอบ นับ วัดปริมาตรไม้ มีขนาดความยาว 2.20 เมตร วัดรอบวงตั้งแต่ 40 - 80 เซนติเมตร นับได้ไม้พะยูง จำนวน 115 ท่อนถากกลม/เหลี่ยมคิดเป็นปริมาตรไม้ จำนวน 3.65 ลบ.เมตร คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจสอบบัญชีไม้หวงห้ามตามประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. ๒๕๓๐   พบว่าไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก  อยู่ในลำดับที่ ๕๓ ( Dalbergia spp. ) ( ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ เล่มที่ 104 ตอนที่ 220 วันที่ 2 พฤศจิกายน 2530 )  แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484   ทั้งนี้จากการกระทำดังกล่าวของนายสิริชัย  ฐานิตสรณ์ กับพวกรวม  5  คน นั้น อยู่ในความสนใจของสังคมโดยรวมถือได้ว่าเป็นการสร้างความเสียหายให้กับผืนป่าแห่งนี้ให้ได้รับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง  คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการป่าไม้   ดังนี้ คือ 1. พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.๒๕๓๕  ฐาน  ร่วมกัน  เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต,  ฐาน  ตัด  โค่น  หรือทำลายต้นไม้ ( ไม้พะยูง ) หรือพฤกษชาติอื่นในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 37  มาตรา  38   มีบทลงโทษตามมาตรา ๕๔  ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 832. พระราชบัญญัติป่าไม้  พุทธศักราช  2484  ฐาน  ทำไม้หวงห้าม ( ไม้พะยูง ), มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองเกินกว่า  0.20  ลูกบาศก์เมตร, และมีไม้หวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูปไว้ในครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่  ตามมาตรา ๑๑  มาตรา 48  มีบทลงโทษตามมาตรา 73  และมาตรา 69  ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83  โดยคณะเจ้าหน้าที่ผู้จับกุมจึงนำส่งร้อยเวรสภ.ภูสิงห์ ดำเนินการขยายผลต่อไป