ผบก.เตือน "ไอ้เป๋" มือชิงทองรีบเข้ามอบตัวก่อนถูกจับมาตรการพิเศษ

ความคืบหน้าเหตุคนร้ายเป็นชาย รูปร่างเล็ก สวมหมวกกันน็อคทับหมวกไหมพรม ลักษณะเดินขาด้านขวากะเผลก ใช้อาวุธปืนสั้นบุกเดี่ยวเข้าไปจี้ชิงทองคำในร้านขายทองไทเล่งฮ้ง ตราช้าง 4 ถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา โดยใช้เวลาลงมือไม่ถึง 30 วินาที ได้ทองคำไปน้ำหนักรวม 146 บาท มูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท โดยหลังลงมือคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าคลิก สีแดงดำ หลบหนีไปทางถนนมิตรภาพ ซึ่งขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายได้อย่างละเอียด เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.57 ?ที่ผ่านมานั้น
ช่วงสายวันนี้(16มิ.ย.57) ที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา พล.ต.ต.พงษ์เดช ?พรหมมิจิตร ?ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายที่ประกอบเหตุปล้นร้านทอง หลังจากที่ได้ขอนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนครราชสีมา จ.ที่ 111 /2557 ลงวันที่ 14 มิ.ย.2557 ด้วยชายไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง (ปรากฏตามภาพสเก็ตใบหน้าคนร้าย) อายุประมาณ 40 ปี รูปร่างสันทัด สูงประมาณ 165 ? 170 เซนติเมตร ผิวดำแดงในข้อหา ชิงทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์สิน โดยมีหรือใช้อาวุธปืน ใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด
โดยล่าสุดได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในทุกพื้นที่ อาทิ สถานีบริการน้ำมัน หอพัก และตามแยกไฟแดง ต่างๆเพื่อติดตามผู้ประกอบเหตุว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดที่ไหนสามารถบันทึกภาพได้ อีกทั้งยังได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านทองที่ถูกประกอบเหตุมาดูย้อนหลังเป็นระยะเวลานานกว่า 1 เดือน เพื่อตรวจสอบบุคคลที่เคยเช้าออกมาร้านเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับรูปพรรณสัณฐานของผู้ประกอบเหตุว่ามีความคล้ายคลึงกันอย่างไร
ส่วนในกรณีที่หลายผ่ายมองดูว่าคนร้ายรายนี้อาจจะเป็นมืออาชีพที่เคยลงมือประกอบเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า คนร้ายดังกล่าวนั้นเป็นมืออาชีพหรือไม่ และเคยประกอบเหตุในพื้นที่อื่นหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม คนร้ายรายนี้ได้มาสังเกตก่อนประกอบเหตุหลายวัน เนื่องจากพยานที่เห็นแจ้งว่าพบรถจักรยานยนต์คันที่นำมาประกอบเหตุได้ขับขี่วนไปวนมาอยู่แถวนั้นอยู่เป็นประจำ
ทั้งนี้ตนได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ออกติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้ว่า หากเข้าไปยังพื้นที่ที่มีการแจ้งเบาะแสให้มีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น เนื่องผู้ประกอบเหตุมีอาวุธปืน จึงอาจจะมีการต่อสู้ขัดขืนการจับกุม แต่อย่างไรก็ตามก็อยากจะให้ผู้ที่ประกอบเหตุได้ทำทองที่ปล้นไปออกมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยด่วน เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการเข้าจับกุมหากมีเหตุการณ์ที่รุนแรงเจ้าหน้าที่ก็จะต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดในการจับกุม
"หากประชาชนที่ทราบเบาะแสของคนร้าย สามารถแจ้งมายังสถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือสายตรวจ 191 ได้ทันที เพื่อเร่งติอดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วอีกทั้งเพื่อไม่ให้คนร้ายนั้นไปประกอบเหตุในร้านทองอื่นๆ ?ขณะเดียวกันทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังร้านทองในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดข้างเคียง ได้ทราบถึงลักษณะและรูปพรรณของของทองที่ถูกคนร้ายเข้ามาปล้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่ามีลักษณะอย่างไร และจะต้องช่วยๆกัน เพราะร้านทองที่ถูกปล้นไปก็เป็นเพื่อประกอบธุรกิจร้านทองเหมือนทุกๆร้าน ดังนั้นจึงอย่าที่จะคิดเอาแต่ผลประโยชน์ของตนเองในการรับซื้อของโจร เพราะหากไม่มีการช่วยกันแจ้งเบาะแสหรืออาจจะมีการนำทองสภาพที่ใหม่มาขายก็โปรดแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้เพื่อเข้าตรวจสอบ แต่หากไม่มีการดำเนินการใดคนร้ายก็อาจจะกลับไปก่อเหตุในร้านของท่านเองก็เป็นได้"พลตรีพงษ์เดช กล่าว