ทั้งนี้เพื่อตอบสนองนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีคำสั่งให้ส่งวันที่ 29 พ.ค.2557 ให้ผู้ที่อาวุธปืน เครื่องกระสุน หรือวัตถุระเบิดครอบครองสำหรับใช้เฉพาะแต่การสงครามนำส่งมอบให้นายทะเบียน ท้องที่ตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน ภายในวันที่ 10 พ.ค.ให้ผู้ที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ไม่ต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดนั้น ในพื้นที่จ.นครราชสีมา ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.- 8 มิ.ย.มีผลการจับกุมอาวุธปืนทั้งสิ้น 30 กระบอก แยกเป็นอาวุธปืนสั้นจำนวน 20 กระบอก อาวุธปืนยาวจำนวน 10 กระบอก และเครื่องกระสุนปืนรวมทั้งสิ้น 16 นัด
ด้านพล.ต.ท.พิสัณห์ กล่าวว่า ประชาชนได้นำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่หน้า ตลอดทั้งนำไปวางทิ้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ แล้วโทรแจ้งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดในช่วงที่มีการประกาศของ คสช. ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.57 ถึง วันที่ 10 มิ.ย.57 ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค3 ก็มีการติดต่อเข้ามาส่งมอบอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งทุกคนก็ไม่ต้องถูกดำเนิน คดีตามกฎหมาย ตามประกาศของ คสช. แต่อยากจะฝากประชาชนที่คิดจะฝ่าฝืน ไม่ยอมนำอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ภาย ในวันที่ 10 มิ.ย.57 ที่เป็นวันสุดท้ายในการประกาศของ คสช. จะต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยมีโทษตั้งแต่ 2 ปี ถึง 20 ปี