จู่โจม "คุกคลองไผ่" ยึดโทรศัพท์มือถือ 44 เครื่อง ยาบ้ากว่า 100 เม็ด

สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) -6 มิ.ย. 57 พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงกรณีนักโทษถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตที่ศูนย์บำบัดยาเสพติด ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเรือนจำกลางคลองไผ่ว่า หลังเกิดเหตุได้มอบหมายให้นายวสันต์ สิงคเสลิต รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและได้จัดชุดปฎิบัติการพิเศษเข้าจู่โจมตรวจค้น โดยข้อเท็จจริงแม้มูลเหตุของการทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตจะเกิดจากการทวงหนี้ระหว่างนักโทษด้วยกัน แต่การจู่โจมตรวจค้นสามารถยึดโทรศัพท์มือถือได้ 44 เครื่อง และยึดยาบ้าได้กว่า 100 เม็ด จึงถือว่ามีการปฎิบัติบกพร่อง ปล่อยปะละเลย สวนทางกับนโยบายที่กำชับให้ทุกเรือนจำกวาดล้างยาเสพติดและโทรศัพท์มือถือ ดังนั้นต้องมีผู้รับผิดชอบกับความบกพร่องที่เกิดขึ้น ขั้นตอนต่อไปรองอธิบดีราชทัณฑ์ต้องรายงานข้อเท็จจริง เพื่อให้มีคำสั่งย้ายผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองไผ่ โดยมีกำหนดภายใน 30 วัน 
พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า ในการประชุมหน่วยงานกระบวนการยุติธรรมเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดนั้นพล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการคสช.ได้เน้นย้ำกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวว่า นักโทษจะใช้เรือนจำเป็นฐานค้ายาเสพติดไม่ได้เพราะพื้นที่เรือนจำเป็นพื้นที่ปิดถ้าปล่อยให้มีการสร้างเครือข่ายค้ายาเสพติดก็ไม่ใช่เรือนจำ และกำชับให้มีการรายงานผลการปฎิบัติงานให้คสช.รับทราบภายใน 7-15 วัน อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาในทุกจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้การตำรวจภูธรจังหวัด ร่วมกับเรือนจำ จัดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง ล่าสุดได้จับกุมเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ทำข้าวกล่องส่งเข้าเรือนจำแล้วพบว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดบรรจุเข้าไปในข้าวกล่อง จึงมีคำสั่งให้ออกและดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทันที
"ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ได้เร่งดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าวใน 2 มิติ คือ ควบคุมและตรวจสอบด้วยเทคโนโลยี และมีนโยบายให้ถอนตัวโดยสมัครใจ หากใครมีส่วนเกี่ยวข้องซึ่งเป็นที่รับทราบกันอยู่ ซึ่งมีบางคนสมัครใจลาออกและขอย้ายตัวเองออกไปอยู่เรือนจำอื่น แต่มีจำนวนไม่มากนัก นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าไม่ควรแถลงข่าวหลังการจับกุมว่าเป็นเครือข่ายยาเสพติดจากในเรือนจำ เพราะจะทำให้ยากต่อการสอบสวนขยายผล" อธิบดีราชทัณฑ์ กล่าว