เมื่อเวลา 04.30 น.วันที่ 3 มี.ค.นายวัฒนะ สารรัตน์ หน.หน่วยรักษาป่า อบ.2เขมราฐ ได้รับแจ้งว่า มีรถยนต์บรรทุกไม้มาจากนอกพื้นที่ เพื่อจะนำส่งขายออกไปยังต่างประเทศ จึงรายงานไปยังนายธวัชชัย ลัดกรูด ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 สาขา อุบลราชธานี ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิด นายสมชัย คล้ายทับทิม นอภ.เขมราฐ รับทราบ พร้อมประสานไปยัง ร.อ.ธนภณ พงษ์เสือ รองหัวหน้าชุดทหารกองกำลังสุรนารีเขมราฐ พ.ต.อ.อภิชาติ สุขเลิศ ผกก.สภ.เขมรฐ และหน่วยตรวจคนเข้าเมือง สนธิกำลังกันวางแผนเข้าจับกุม โดยได้ตั้งจุดตรวจที่บริเวณถนนอรุณประเสริฐ สายเขมราฐ-อำนาจเจริญ พบรถยนต์ปิกอัฟ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ สีฟ้า ทะเบียน บน 9591 ตรัง วิ่งผ่านเข้ามา ตรวจค้นพบบรรทุกไม้พะยูงเต็มคันรถ โดยมีนายสุทร ผารัตน์อายุ 32 ปี เลขที่ 145 ม.6 ต.เขมราฐเป็นคนขับกับนายสิงหา แก้วกันยา เพื่อบ้านละแวกเดียวกัน นั่งคู่มาด้วย โดย ผู้ต้องหาอ้างว่า มีผู้ว่าจ้างให้ไปรับช่วงขับรถต่อ ที่ถนนใกล้ 4 แยก บายพลาส จ.อุบลราชธานี เพื่อจำไปส่งที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงบ้านลาดเจริญกับบ้านลาดหญ้าคา ต.นาแวง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ในราคา 1.2 หมื่นบาท ระบุเป็นไม้ที่นำมาจากป่าสงวนแห่งชาติภูจองนายอย กับพื้นที่ของ จ.ศรีสะเกษ ตามเส้นทางผ่านมาไม่มี จนท.ตรวจสอบ ในขณะเดียวกัน ก็ได้นำกำลังอีกส่วนหนึ่งไปสกัดที่ปากเข้าบ้านลาดหญ้าคากับบ้านลาดเจริญ ซึ่งเป็นท่าน้ำขนถ่ายสินค้าตลาดมืดที่สำคัญ โดยมีบ้านนาขยอม เมืองสองคอน สปป.ลาว อยู่ฝั่งตรงข้าม สามารถตรวจยึดไม้พะยูงซึ่งซุกซ่อนอยู่บนรถทั้งส่วนบุคคลและรถขนส่งสินค้าต่างๆ อีก 4 คัน คนขับอาศัยความมืดหลบหนีไปได้ จึงนำของกลางทั้งหมด ประกอบด้วย ไม้พะยูงจำนวน 119 ท่อน รถยนต์ 5 คัน ผู้ต้องหา 2 คน นำส่งมอบให้กับ พงส.สภ.เขมราฐ ดำเนินคดี โดยเจ้าหน้าที่ กล่าวว่า หากไม้จำนวนเหล่านี้ข้ามแม่น้ำโขงไปได้จะมีราคาถึง 3 ล้านบาท พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงเวลานี้มีกลุ่มมอดไม้พะยูงขนวันละหลายสิบคัน การจับกุมในครั้งนี้นับเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จึงอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหลายหน่วยช่วยกันตรวจเข้มให้มากกว่านี้