ถังเก็บน้ำอีสท์ วอเตอร์ พังถล่มเจ็บ 3 ราย

ชลบุรี-เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ สั่งระงับใช้พื้นที่อาคารถังเก็บน้ำอีสท์ วอเตอร์ หลังเกิดเหตุถังพักน้ำพังถล่ม เบื้องต้นค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท  เมื่อเวลา09.00น.( 26ก.พ.57) นายมณีเทพ กำเนิดมณี หัวหน้าฝ่ายควบคุมอาคารและผังเมือง เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางเข้าตรวจสอบเหตุการณ์ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ของบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) (อีสท์ วอเตอร์) โดยทางบริษัทเข้ามาขอนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้อง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งจะต้องตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้งขณะนี้ ทางเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ได้สั่งระงับห้ามใช้อาคารดังกล่าวแล้ว พร้อมให้บริษัทฯ หรือผู้รับเหมาเข้ามาชี้แจงต่อทางเจ้าหน้าที่ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม หากเทศบาลฯ หรือโยธาธิการจังหวัดชลบุรี จะต้องร่วมตรวจสอบครั้งนี้ด้วย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน รายงานข่าวแจ้งว่า โครงการนี้ทางบริษัทฯ ได้ว่าจ้างให้บริษัทซิสโกเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ดำเนินการก่อสร้างถังเก็บน้ำดังกล่าว ซึ่งในช่วงนี้อยู่ระหว่างการทดสอบในการเติมน้ำเข้าไปถังดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่เติมน้ำเข้าไปประมาณ 6,000 ลูกบาศก์เมตร ก็เกิดมีเสียงลั่นของถังปูนซีเมนต์ จากนั้นไม่นานถังเกิดแตกทำให้ปริมาณน้ำในถังไหลลงสู่พื้นดินพัดพ เพิงพักขายของฝากของประชาชน รถยนต์ พืชไร่ของชาวบ้านเสียหาย ถังเก็บน้ำดังกล่าว มีขนาดกว้าง 30 เมตร ยาว 30 เมตร สูง 18 เมตร สามารถบรรจุน้ำได้ทั้งสิ้น 14,000 ลูกบาศก์เมตร โดยทางบริษัทผู้รับเหมาอยู่ระหว่างขั้นตอนการทดสอบ เพื่อส่งมอบงานให้แก่ทางบริษัท อีสท์ วอเตอร์ แต่ก็มาเกิดแตก และพังทลายลงก่อน โดยจะต้องตรวจสอบสาเหตุที่เกิดขึ้นต่อไปสำหรับความเสียหายนั้น เบื้องต้นยังไม่สามารถทราบได้ โดยจะต้องรอเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ จากส่วนกลางมาประเมินค่าความเสียหายอีกครั้ง ซึ่งค่าความเสียหายในครั้งนี้ประมาณ 50ล้านบาท ด้าน น.ส.กันยานาถ วีระพันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ชี้แจงว่า ตามที่ได้เกิดเหตุโครงสร้างของถังพักน้ำเสียหายบริเวณริม ถ.มอเตอร์เวย์ กม.94 ว่าเมื่อเวลาประมาณ 21.50 น. ของคืนวันที่ 25 ก.พ.57 ส่งผลกระทบต่อการจราจรในช่องคู่ขนานมอเตอร์เวย์ขาเข้า และถังพักน้ำดังกล่าว เป็นโครงการก่อสร้างถังพักน้ำ (Regulating Well) ท่อส่งน้ำบางปะกง-บางพระ-ชลบุรี ของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เพื่อสร้างเสถียรภาพ และปรับแรงดันการส่งน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำในพื้นที่แหลมฉบัง-พัทยาชลบุรี โดยบริษัทซิสโก้ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้ออกแบบ และก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบความแข็งแรงซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของโครงการก่อนส่งมอบให้บริษัท จากเหตุการณ์ดังกล่าวขณะนี้ ทีมงานอีสท์ วอเตอร์ และผู้รับเหมาโครงการกำลังดำเนินการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน  โดยในเบื้องต้นทราบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย ซึ่งอีสท์ วอเตอร์ และผู้รับเหมาได้นำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา และแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว จำนวน 2 ราย โดยยังอยู่ดูแลอาการที่โรงพยาบาล 1 ราย พร้อมกันนี้ ได้ทำการประสานไปยังเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ กรมทางหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางบริเวณพื้นที่ทางคู่ขนาน ถนนมอเตอร์เวย์สาย7ตอน2ขาเข้าชลบุรี จนรถสามารถสัญจรได้เป็นปกติ รวมถึงได้ประสานขอรถน้ำจากเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์และเทศบาลตำบลบางพระ เพื่อทำความสะอาดพื้นถนนบริเวณดังกล่าว และได้ทำแนวป้องกันบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเพื่อป้องกันอันตรายของบุคคลภายนอกที่จะเข้ามา สำหรับสาเหตุที่โครงสร้างของถังพักน้ำเสียหายบริษัทกำลังดำเนินการตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดร่วมกับผู้เชี่ยวชาญต่อไป ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งดำเนินการแก้ปัญหา และดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มความสามารถ และจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด  โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเวลา21.50น.( 25 ก.พ.57) ร.ต.ท.ยุทธนา กองกา ร้อยเวรสภ.ศรีราชาได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปว่ามีถังปูนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่พังถล่มลงมาแล้วมีน้ำมวลมหาศาลไหลทะลักออกมาพัดร้านค้าริมทางและบ้านเรือนพร้อมรถและสิ่งของต่างๆได้รับความเสียหายจำนวนมากและยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ริมถนนสายบายพาส7 ตอน 2 ช่วงเนินแม่กิมบ๊วย หมู่ 6 ตำบลสุรศักดิ์ อำเภอศรีราชา หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรีบเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชากำลังให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นชายที่ยังหลงเหลืออยู่นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ทำการตรวจรักษาและตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุพบร้านค้าขายของฝากที่ปลูกเป็นเพิงถูกน้ำซัดพังไปทั้งร้านเหลือเพียงเสาปูนที่ราบอยู่กับพื้นและ พบรถตู้ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮพ- 8164 กรุงเทพฯอยู่ข้างทางริมถนนสายบายพาสพลิกตะแคงในสภาพพังเสียหาย  โดยมีนายนิคม อินตะ อายุ 35 ปี คนขับรถตู้รับส่งคนงานที่ให้การว่าตนเองกำลังขับรถมุ่งหน้าเข้าชลบุรีพอขับถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงโครมใหญ่ทำให้รถหมุนกระแทกขอบปูนกั้นทางแต่โชคดีที่ไม่รับบาดเจ็บตรวจสอบยังพบรถกระบะมาสด้า สีแดง ทะเบียน ปล-7617 กทม. รถกระบะอีซูซุสีบรอนซ์-ทอง ทะเบียน บม-2208 กทม.ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายเช่นกันเนื่องจากถูกกระแสน้ำซัดกระแทกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานขอรถน้ำจากเทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์และองค์การบริหารส่วนตำบล บางพระมาฉีดคราบโคลนดินที่เต็มพื้นถนนพร้อมกับเศษไม้และเศษปูนเกลื่อนออกจากพื้นผิวการจราจรเพื่อเร่งเปิดการจราจรที่ติดขัดนับชั่วโมงและยาวเหยียดหลายกิโลเมตร ส่วนผู้บาดเจ็บที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปได้ให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลไปทราบชื่อคือนายโม่ง จำปา อายุ 41 ปี นายเมี่ยง จำปา อายุ 52 ปี และนายตู้ สัญชาติกัมพูชาอายุ 22 ปี และสอบถามนายบุญเรือน หมูจอ อายุ 41 ปี และนาย บุญส่ง ซูหล่ำอายุ 41 ปี ที่อยู่ในเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ เล่าว่าได้ยินเสียงดังลั่นเปี๊ยะ 4-5ครั้งจึงหันไปมองก็มีน้ำจำนวนมากไหลทะลักมาอย่างเร็วจึงพยายามจะวิ่งหนีแต่คิดว่าไม่รอดจึงได้หาที่ยึดเกาะและบังจึงได้รอดมาได้ดังกล่าวส่วนนายชอบ ลิ้มจ้อย อายุ 76 ปีเจ้าของเพิงบริเวณที่เกิดเหตุหลังทราบข่าวจึงรีบมาดูเพิงขายของที่ให้คนงานเฝ้าไว้ก็พบเพียงซากข้าวของที่ถูกน้ำพัดไหลไปเท่านั้นส่วนทางด้านสาเหตุที่แน่ชัดทางผู้ที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่จะได้เข้าทำการตรวจสอบถึงสาเหตุที่แน่ชัดต่อไป