svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ปืนโตบุกหงส์ 6 ปีไม่เคยแพ้

07 กุมภาพันธ์ 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ปืนใหญ่" อาร์เซนอล เตรียมจัดผู้เล่นชุดเดิมออกไปเยือน "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ในศึกพรีเมียร์ลีก คืนวันเสาร์ที่ 8 ก.พ.นี้ แถมพกสถิติข่มไม่เคยบุกไปแพ้มานานถึง 6 ปีแล้วอีกด้วย

ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ เจอปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายราย แต่ยังพร้อมบุกเยือน "นกขมิ้น" นอริช ส่วน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี รอเฝ้ารังต้อนรับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลรีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ มีโปรแกรมฟาดแข้งทั้งหมด 8 คู่ เริ่มจากคู่เอก "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ทีมจ่าฝูง แข่ง 24 นัด มี 55 แต้ม ต้องยกพลบุกไปเยือนแอนฟิลด์ดวลแข้งกับ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 4 แข่ง 24 นัด มี 47 แต้ม ในเวลา 19.45 น. เกมนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือทีมเยือนตั้งเป้าหวังบุกไปเก็บชัยให้ได้ เพื่อรักษาตำแหน่งทีมนำบนหัวตารางคะแนนต่อไป หลังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นมาแล้วถึง 8 เกม แม้จะประสบปัญหานักเตะได้รับบาดเจ็บหลายราย ไม่ว่าจะเป็น แจ็ค วิลเชียร์, อารอน แรมซีย์, คิม คัลล์สตรอม, ธีโอ วัลคอตต์ รวมถึง มาติเยอ ฟลามินี ที่ติดโทษแบน แต่ยังคงพร้อมยึดผู้เล่นทัพใหญ่ชุดเดิมจากเกมล่าสุดที่เปิดบ้านชนะ คริสตัล พาเลซ 2-0 คาดว่า อเลกซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน ปีกดาวรุ่งเตรียมได้ฮุบเข้าไปยืนเล่นเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางร่วมกับ มิเกล อาร์เตตา และ เมซุต โอซิล เหมือนอย่างเกมนัดก่อนที่จัดการซัดเบิ้ลเหมาคนเดียว 2 ประตู ส่วนแนวรับ คีแรน กิ๊บบ์ส น่าจะได้กลับมาประสานงานกับ แพร์ แมร์เตซักเกอร์, โลรองต์ คอสเซียลนี และ บาการี ซานญา อีกครั้งหนึ่ง เพราะหายจากโรคเดี้ยงเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ 3 ประสานในแนวรุกยังคงเป็นหน้าที่ของ ลูคัส โพดอลสกี, ซานติ กาซอร์ลา และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่จะได้สวมบทเป็นกองหน้าตัวเป้าเหมือนเดิม ส่วนเจ้าถิ่นของกุนซือ เบรนดาน รอดเจอร์ส ตั้งเป้าหวังเก็บชัยให้ได้เหมือนกัน เพื่อเกาะกลุ่ม "ท็อปโฟร์" ใน 4 อันดับแรกต่อไป เพราะมีคะแนนนำหน้า เอฟเวอร์ตัน ทีมอันดับ 5 เพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น แม้จะมีปัญหานักเตะเจอโรคเดี้ยงเล่นงานหลายราย ได้แก่ ดาเนียล แอกเกอร์, โฆเซ เอนริเก, เกลน จอห์นสัน, มามาดู ซาโก และ ลูคัส เลวา แต่คาดว่า "หงส์แดง" น่าจะยึดผู้เล่นจากเกมล่าสุดที่บุกไปเสมอ เวสต์บรอมวิช 1-1 เหมือนกัน โดยเฉพาะคู่หัวหอกที่ยังคงเป็นการประสานงานร่วมกันระหว่าง หลุยส์ ซัวเรซ กับ ดาเนียล สเตเอร์ริดจ์ ส่วนแดนกลางนำทัพโดย สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฟิลิปป์ คูตินโญ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ด้านแนวรับ โคโล ตูเร ที่เล่นพลาดจากเกมนัดก่อนจะได้ยืนคุมแดนหลังร่วมกับ มาร์ติน สเคอร์เทล, อาลี ซิสโซโก และจอห์น ฟลานาแกน เหมือนเช่นเคย สำหรับคู่นี้เคยเจอกันในเกมลีกเมืองผู้ดีมาแล้วทั้งหมด 179 เกม ปรากฎว่า ลิเวอร์พูล เหนือกว่า อาร์เซนอล ตามสถิติ ชนะ 69 เสมอ 47 แพ้ 63 ทว่า "ปืนใหญ่" กลับพกสถิติข่มเจ้าถิ่นในช่วงหลัง เพราะไม่เคยบุกไปแพ้ "หงส์แดง" มานานถึง 6 ปีแล้ว นับตั้งแต่หนสุดท้ายที่บุกไปแพ้ 1-4 ในศึกพรีเมียร์ลีก เมื่อปี 2007 ขณะที่ "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ทีมอันดับ 2 แข่ง 24 นัด มี 53 แต้ม จะต้องออกไปเยือน "นกขมิ้น" นอริช ทีมอันดับ 15 แข่ง 24 นัด มี 24 แต้ม ที่คาร์โรว์ โรด ในเวลา 22.00 น. นัดนี้ มานูเอล เปลเยกรินี กุนซือทีมเยือนตั้งเป้าหวังเก็บชัยให้ได้เหมือนกัน เพื่อทำคะแนนไล่บี้ อาร์เซนอล ทีมจ่าฝูงที่มีคะแนนมากกว่าเพียง 2 แต้มเท่านั้น แถมยังมีโอกาสขยับขึ้นไปยึดจ่าฝูงด้วยผลต่างประตูได้เสียทีเหนือกว่า หาก "ปืนใหญ่" ไม่สามารถบุกไปชนะ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ แม้จะหมดสิทธิใช้งาน 4 แข้งหลักอย่าง เฟอร์นันดินโญ, ฆาบี การ์เซีย, ซาเมียร์ นาสรี รวมถึง เซอร์จิโอ อเกโร ที่ต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บ แต่พวกดาวดังหลายอื่นๆ ยังคงพร้อมลงเล่นเป็นตัวจริงได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น แวงซองต์ กอมปานี, ดาวิด ซิลวา, ยาย่า ตูเร, เอดิน เซโก และ อัลวาโร เนเกรโด เพราะต้องการแก้ตัวจากเกมล่าสุดที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้คาถิ่นของตัวเองเป็นนัดแรกของฤดูกาลนี้ หลังพลาดท่าแพ้ เชลซี คาบ้าน 0-1 ด้าน "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี ทีมอันดับ 3 แข่ง 24 นัด มี 53 แต้ม พร้อมเปิดรังสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้อนรับ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิล ทีมอันดับ 8 แข่ง 24 นัด มี 37 แต้ม ในเวลา 22.00 น. เกมนี้ ชูเซ มูรินโญ กุนซือเจ้าบ้านตั้งเป้าหวังเก็บชัยให้ได้ เพราะมีโอกาสขยับขึ้นไปรั้งจ่าฝูงได้เหมือนกัน หาก 2 ทีมนำอย่าง อาร์เซนอล และ แมนฯ ซิตี้ พบกับความพ่ายแพ้ แม้จะไร้เงา เฟอร์นันโด ตอร์เรส ที่เจอโรคเดี้ยงเล่นงาน แต่พวกดาวดังอย่าง ปีเตอร์ เช็ก, จอห์น เทอร์รี, ออสการ์, เอเดน ฮาซาร์ และ ซามูเอล เอโต้ ยังคงสามารถลงสนามเป็นตัวจริงได้ตามปกติ   สำหรับโปรแกรมคู่อื่นลงเตะเวลา 22.00 น. แอสตัน วิลล่า (10) พบ เวสต์แฮม (18), คริสตัล พาเลซ (17) พบ เวสต์บรอมวิช (16), เซาแธมป์ตัน (9) พบ สโต๊ค (11), ซันเดอร์แลนด์ (14) พบ ฮัลล์ (13) ส่วนคู่ระหว่าง สวอนซี (12) พบ คาร์ดิฟฟ์ (19) ลงแข่งในเวลา 00.30 น.

logoline