แม้ประเทศไทยจะได้ถอนกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษแล้ว แต่ควรระมัดระวังในการใช้กัญชาในจุดประสงค์อื่นๆ นอกจากทางการแพทย์ เนื่องจากใน "กัญชา" มีสาร THC (tetrahydrocannabinol) ที่ออกฤทธิ์มึนเมา หากใช้กัญชาเป็นประจำจะเพิ่มโอกาสเกิดโรคทางจิต และทำให้สติปัญญาลดลงได้
3 กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรใช้กัญชา ได้แก่
1. เด็กและวัยรุ่น
เนื่องจากสมองของเด็กและวัยรุ่นยังเติบโตไม่เต็มที่ จึงเปราะบางต่อสารเสพติด ทำให้เกิดปัญหาด้านพัฒนาการที่ล่าช้า ปัญหาพฤติกรรม ลดระดับสติปัญญา และเกิดความผิดปกติของสภาวะทางอารมณ์
2. ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรคทางจิตใจอื่นๆ
สาร THC ในกัญชาเพิ่มโอกาสเกิดภาวะซึมเศร้า อาการโรคจิตและอาการวิตกกังวล และสามารถลดความสามารถของสมองในการคิดและควบคุมอารมณ์ได้
3. หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร
เพราะสาร THC ในกัญชา สามารถส่งผลกระทบทางลบต่อสมองของเด็กทารกในครรภ์ได้
กัญชากับสมองเด็ก
สารประกอบในพืชกัญชา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง THC มีผลกระทบต่อสมองเด็ก สามารถเกิดพิษเฉียบพลัน และส่งผลระยะยาว ทำให้เกิดการเสพติดได้ เด็กและวัยรุ่นไม่ควรใช้ ยกเว้นเป็นการใช้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น ผู้ปกครองและเด็กควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชา เช่น ขนม อาหาร อันอาจจะส่งผลให้มีอาการพิษเฉียบพลันได้ และให้สงสัยถ้าพบว่ามีอาการดังต่อไปนี้
พิษระยะเฉียบพลัน
ระบบประสาท
ระบบหัวใจ
ระบบทางเดินอาหาร
ผลระยะยาวต่อสมองเด็ก
ทั้งนี้ กัญชาควรใช้ประโยชน์เพื่อการรักษาทางการแพทย์และเป็นการรักษาทางเลือกเท่านั้น ไม่สนับสนุนใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ในเด็กและวัยรุ่น
อ้างอิง : ผศ.นพ.ธีรยุทธ รุ่งนิรันตร ฝ่ายจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย / สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี / สถาบันประสาทวิทยา