ที่มาของวันเอดส์โลก
วันเอดส์โลก หรือ World AIDS Day ตรงกับวัน 1 ธันวาคมของทุกปี ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ โดยโรคเอดส์ เริ่มเป็นที่รู้จักครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ในขณะนั้นจะรู้จักเพียงเฉพาะกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ต่อมามีการแพร่ระบาดโรคนี้ไปอย่างรวดเร็วและทั่วโลก จนมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากจนเป็นที่น่าตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
ผู้ป่วยรายแรกของโลก
ผู้ป่วยโรคเอดส์รายแรกของโลก เป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ นิวโมซีสตีส แครินิอาย (Pneumocystis Carinii) ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมากมาก่อน ผลการตรวจพบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ พบว่าโรคนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแถบอัฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ. 2503 และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ ทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเซียรวมทั้งประเทศไทย ในเวลาต่อมาต่อมา Levy นายแพทย์ชาวอเมริกัน สามารถแยกเชื้อจากต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วย เป็นการต่อยอดการทดลองของ Luc Montagnier และตั้งชื่อว่า AIDS related virus ซึ่งต่อมามีชื่อสากลว่า Human Immounodeficiency Virus หรือ HIV
เอชไอวี (HIV) กับ เอดส์ (AIDS) แตกต่างกันอย่างไร ?
HIV ย่อมาจาก Human Immunodeficiency Virus เชื้อไวรัสซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ โดยเชื้อเอชไอวี จะเข้าทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันโรค ให้ต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาในร่างกายเวลาที่เราเจ็บป่วย
AIDS ย่อมาจาก Acquired Immunodeficiency Syndrome (โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง) โรคเอดส์จะเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายถูกเชื้อเอชไอวีบั่นทอนให้อ่อนแอลง จนถึงขั้นที่ร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆได้อีก จนเริ่มติดเชื้อ หรือเกิดเป็นโรคต่างๆ
สรุปง่ายๆ คือ HIV เป็นไวรัสต้นกำเนินที่มำให้เกิดโรคเอดส์ ซึ่งไวรัสเอสไอวีจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่เป็นระบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้เกิดภาวะโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือเอดส์ ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมานั่นเอง ดังนั้น ใครที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ติดเชื้อไวรัสนี้จะเป็นโรคเอดส์ เพราะขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัยร่วมด้วยนั่นเอง
โรคเอดส์ในประเทศไทย
สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้น เป็นชายอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการในปี พ.ศ. 2526 ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา พบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดส์ จึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ในช่วง ปี พ.ศ. 2527 จนถึงปี พ.ศ. 2533 จำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคเอดส์มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจึงได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ โดยมอบให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบให้มีคณะกรรมการประสานงานเกี่ยวกับโรคเอดส์แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528
ความสำคัญของวันเอดส์โลก
เพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคเอดส์ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการยอมรับและห่วงใยต่อผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) หรือ WHO ได้กำหนดให้วันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2531 เป็นปีแรก โดยมีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ คือ
คำขวัญวันเอดส์โลกในปี 2022
Putting Ourselves to the Test: Achieving Equity to End HIV แปลความหมายเป็นภาษาไทยได้ว่า ร่วมใจตรวจโรคเอดส์ รู้เท่าทันเพื่อหยุดเชื้อ HIV
โรคเอดส์ติดต่อได้อย่างไร ?
1. การร่วมเพศกับผู้ติดเชื้อเอดส์ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทั้งชายกับชาย หญิงกับหญิง หรือชายกับหญิง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติ ล้วนมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคร้ายนี้ จากข้อมูลกองระบาดวิทยา ระบุว่าร้อยละ 83 ของผู้ติดเชื้อเอดส์ รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์
2. การรับเชื้อทางเลือด โอกาสติดเชื้อเอดส์ พบได้ 2 กรณี คือ
3. ติดต่อผ่านทางแม่สู่ลูก เกิดจากแม่ที่มีเชื้อเอดส์และถ่ายทอดให้ทารก ในขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด และภายหลังคลอด ปัจจุบันมีวิธีป้องกันการแพร่เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูก โดยการทานยาต้านไวรัสในช่วงตั้งครรภ์ จะสามารถลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอดส์เหลือเพียงร้อยละ 8
นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่านทางอื่นได้ แต่โอกาสมีน้อยมาก เช่น
ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นการติดต่อโดยการสัมผัสกับเลือด หรือน้ำเหลืองโดยตรง แต่โอกาสติดโรคเอดส์ด้วยวิธีนี้ต้องมีแผลเปิด และปริมาณเลือดหรือน้ำเหลืองที่เข้าไปในร่างกายต้องมีจำนวนมาก
วิธีป้องกันโรคเอดส์
ตรวจเอชไอวีด้วยตัวเอง
การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-test) โดยในปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ
การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองมีข้อดี คือสะดวก มีความเป็นส่วนตัว สามารถตรวจและทราบผลได้ด้วยตนเอง เหมาะกับผู้ที่ต้องการรู้ว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่แต่ไม่สะดวกเดินทางไปโรงพยาบาล สามารถหาซื้อชุดตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองได้ที่ร้านขายยาทั่วไป แต่ในปัจจุบันอาจยังมีการจำหน่ายไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ
สิทธิตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง
สำหรับคนไทยทุกคนที่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทุกสิทธิ์การรักษา สามารถตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรี ปีละ 2 ครั้ง ในทุกโรงพยาบาลที่ให้บริการภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งสามารถตรวจหาการ ติดเชื้อเอชไอวี และรู้ผลภายในวันเดียว
ตรวจพบเชื้อ HIV ต้องทำอย่างไร
หากพบว่า ติดเชื้อเอชไอวี ควรเข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยยาต้านไวรัสโดยเร็ว (Same day ART) เพื่อให้สามารถกดปริมาณไวรัสในกระแสเลือดได้สำเร็จ ทำให้ลดโอกาสเสี่ยงต่อการ เป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา วัณโรคในปอดหรือต่อมน้ำเหลือง ปอดอักเสบ งูสวัด ตาบอดจากไวรัสขึ้นจอตา และโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น
นอกจากนี้ การคงอยู่ในระบบการรักษา โดยการกินยาอย่างต่อเนื่อง ตรงเวลา และสม่ำเสมอ จะทำให้ปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่ำมากจนตรวจไม่พบเชื้อ จะไม่ถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่น ส่งผลต่อการลดการติดเชื้อรายใหม่ ลดการเสียชีวิต และผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็สามารถใช้ชีวิต ในสังคมได้ตามปกติ
การปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อเอดส์
ผู้ที่ติดเชื้อเอดส์นั้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติทั่วไป ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ควรวิตกกังวลมากไป ซึ่งหากไม่พบโรคแทรกซ้อนจะสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกหลายปี โดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้
สถานที่ของรัฐและคลินิกที่ให้บริการตรวจหาเชื้อ HIV ฟรี
โทร : 064-231-7584 เฟซบุ๊ก : RakPuenClinic