svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ และ ความงาม

เปิดงานวิจัยเรื่อง ‘ชา’ ที่บ่งชี้ว่าดีต่อสมองและช่วยยืดอายุขัย

16 พฤศจิกายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คนดื่มกาแฟอาจต้องคิดใหม่ เมื่อ 2 งานวิจัยระบุ “ข้อดีของการดื่มชา” จนอยากรีบหามาดื่ม ทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และช่วยให้มีอายุยืนยาวกว่า

เครื่องดื่มยอดนิยมของคนทั่วโลก นอกจาก “กาแฟ” คือ “ชา” โดยเฉพาะในจีน และญี่ปุ่น ที่มีวัฒนธรรมการดื่มชามาอย่างช้านาน มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ได้พูดถึงประโยชน์ของชาว่า ช่วยเพิ่มความจำได้ มีงานวิจัยที่โด่งดังและเป็นที่ยอมรับของ The National University of Singapore (NUS) ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการดื่มชากับการเพิ่มความจำ โดยการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ดื่มชาเทียบกับกลุ่มที่ไม่ดื่มทั้งหมด 36 ราย ซึ่งอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งใช้การแปลผลจากภาพที่ตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ MRI ของสมอง

ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ดื่มชา ไม่ว่าจะเป็นชาเขียว ชาดำ หรือแม้แต่ชาอู่หลงเป็นประจำ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการติดต่อสื่อสารระหว่างสมองแต่ละส่วน หรือการเชื่อมโยงการทำงานของเซลล์ประสาทในสมองแต่ละส่วน (Brain Connection)ได้ จึงช่วยให้เพิ่มความจำ และป้องกันสมองเสื่อมได้เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ดื่ม

อีกผลงานวิจัยในปี 2022 ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Annals of Internal Medicine ชี้ให้เห็นว่า ชาอาจช่วยให้ผู้ที่ดื่มมีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม

เปิดงานวิจัยเรื่อง ‘ชา’ ที่บ่งชี้ว่าดีต่อสมองและช่วยยืดอายุขัย

ประโยชน์หลักของชา

  • ทำให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรง เพราะมีการกระตุ้นขบวนการขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกาย
  • ช่วยย่อยอาหารละลายไขมัน ป้องกันโรคกระเพาะอาหารที่เรื้อรัง
  • ช่วยป้องกันและลดคลอเลสเตอรอลได้ดี
  • สามารถป้องกันและต่อต้านขบวนการเกิดมะเร็ง
  • สามารถป้องกันหรือลดความอ้วนได้ด้วยการดูดซึมน้ำตาลและไขมันในลำไส้เล็ก
  • ช่วยชะลอความชราและบำรุงผิวพรรณ
  • ผลวิจัยยังพบอีกว่า การดื่มชาหรือเคี้ยวใบชาเป็นประจำจะช่วยรักษาเหงือกและป้องกันฟันผุได้

 

นอกจากสรรพคุณข้างต้นแล้ว “ชา” ยังช่วยลดการอักเสบได้อีกด้วย ดังผลการศึกษาในอดีตของ “จีน” และ “ญี่ปุ่น” ที่ซึ่ง “ชาเขียว” เป็นที่นิยมมากซึ่งได้ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ที่มีต่อสุขภาพของเราหลากหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชาดำ” ก็ให้ประโยชน์โภชน์ผลที่ไม่ต่างกัน

เปิดงานวิจัยเรื่อง ‘ชา’ ที่บ่งชี้ว่าดีต่อสมองและช่วยยืดอายุขัย

นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (U.S. National Institutes of Health) ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ภาคสนามเพื่อเก็บข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มชาของคนวัยผู้ใหญ่ในสหราชอาณาจักรจำนวน 500,000 คน ซึ่งเป็นงานวิจัยระยะยาวที่เก็บรวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 14 ปี! จากสถิติพบว่า “ชาดำ” เป็นชาที่นิยมดื่มมากที่สุดในเกาะอังกฤษ

สำหรับวัตถุประสงค์ของการวิจัย ก็คือเพื่อศึกษาถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ และวิถีการเลือกรับประทานอาหาร ที่มีต่อการดื่ม “ชา” โดยมีการเก็บข้อมูลแยกตามอายุ เชื้อชาติ และเพศ ซึ่งพบว่า การบริโภค “ชา” ในปริมาณมาก คือวันละสองถ้วยขึ้นไป ให้ประโยชน์ในระดับปานกลาง คือช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้ถึง 9%-13% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม “ชา”

ศ.ดร.Maki Inoue-Choi หัวหน้าทีมวิจัยนี้ ระบุว่า ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตที่ลดลงนั้นเกิดขึ้นจริงกับอาสาสมัครที่เป็นโรคหัวใจ

“แม้จะไม่มีการค้นพบที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับการดื่มชา และการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เพราะพวกเราไม่มีข้อมูลยืนยันมากพอ” Maki Inoue-Choi กล่าว

เป็นที่ทราบกันทั่วไป ว่า “ชาทุกชนิด” ไม่ว่าจะเป็น “ชาขาว” “ชาเขียว” “ชาดำ-ชาแดง” และ “ชาอู่หลง”ล้วนผลิตจากพืช Camellia Sinensis โดยใช้วิธีการที่แตกต่างกัน แต่ “ชา” ทุกชนิดก็ประกอบด้วยสารโพลีฟีนอลเหมือนกัน

ศ.ดร. Marion Nestle นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์อาหารที่มหาวิทยาลัย New York University ชี้ว่า พวกเราเชื่อว่าโพลิฟีนอลใน “ชา” นั้น น่าจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะใน “ชาเขียว” ที่ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า สติปัญญาแจ่มใส บรรเทาปัญหาทางเดินอาหาร และอาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ชา” มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการศึกษาถึงผลในการป้องกันโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ที่อาจเกิดจากการบริโภค “ชาเขียว” ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาที่ยาวนานอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การศึกษาผู้ดื่ม “ชา” ในอังกฤษนั้น เป็นการสังเกตพฤติกรรมและสุขภาพของผู้คน ที่มักทำให้เกิดคำถามตามมาเสมอว่า ยังมีอะไรอีกบ้างที่ช่วยให้ผู้ดื่มชามีสุขภาพดีขึ้นอีก?

ซึ่งศาสตราจารย์ ดร. Maki Inoue-Choi ได้ให้ตอบว่า “ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานจากการศึกษาเพียงพอที่จะแนะนำให้ผู้คนเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มชาของพวกเขา ทว่า หากดื่มชาวันละแก้ว ก็น่าจะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้ดื่มมากกว่ากาแฟ 1 แก้วอยู่แล้ว”

เปิดงานวิจัยเรื่อง ‘ชา’ ที่บ่งชี้ว่าดีต่อสมองและช่วยยืดอายุขัย

การดื่มชา มีข้อควรระวังอย่างไรบ้าง

  1. ไม่ควรแต่งรสด้วยนมทุกชนิด ไม่ว่าจะนมสด นมข้นหรือนมผง เพราะโปรตีนในนมจะไปจับกับสารสำคัญในชา และทำลายประสิทธิภาพสารออกฤทธิ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
  2. การบริโภคชาในปริมาณมาก จะทำให้ร่างกายได้รับสารคาเฟอีนมากตามไปด้วย ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับและทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ
  3. ผู้ที่ต้องใช้ยา warfarin ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชาเขียว เนื่องจากมีวิตามินเคสูง มีผลลดฤทธิ์ของยาทำให้ค่า INR ต่ำลงได้
  4. นอกจากนี้การดื่มชาในขณะที่ร้อนมากๆ (เกิน 70oC) จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งหลอดอาหารได้

ดังนั้น การดื่มชาที่ถูกต้องและเพื่อให้ได้ประโยชน์จากชา คือการดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ประมาณวันละไม่เกิน 3 ถ้วย โดยแต่ละครั้งให้ใช้ใบชาประมาณ 1 – 2 ช้อนชาชงในน้ำร้อน และควรดื่มในระหว่างมื้ออาหาร เนื่องจากมีบางรายงานที่ระบุว่าชามีผลยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็กในอาหารเมื่อรับประทานพร้อมกัน

 

 

logoline