จากผลการวิจัยโครงการประเมินภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านอาหาร (Gastronomy Tourism) ของประเทศไทย สำรวจโดยบริษัท เคเนติกส์ คอนซัลติ้ง จำกัด ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผลการดำเนินโครงการ The MICHELIN Guide Thailand ประจำปี พ.ศ. 2560 - 2564 โดย Ernst & Young สะท้อนให้เห็นว่า โครงการ The MICHELIN Guide Thailand สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านอาหารในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยต่อมื้อสูงถึง 2 เท่า
ในปี 2562 สร้างมูลค่าได้ถึง 842.40 ล้านบาท เกิดการจ้างงานในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 4,800 ตำแหน่ง มีการจัดกิจกรรมทางด้านอาหารในประเทศไทย อาทิ การจัดกิจกรรมดินเนอร์กับเชฟมิชลิน เพิ่มขึ้น 33 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบจำนวนร้านอาหารระดับสตรีท ฟู้ด (Street Food) ถึง ไฟน์ ไดนิ่ง (Fine Dining) ที่ได้รับรางวัลมิชลิน ในปี 2560 - 2564
พบว่ามีอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนร้านอาหารร้อยละ 137 และเกิดการพัฒนาและยกระดับร้านอาหารในประเทศไทย เพื่อรักษามาตรฐานของร้านอาหารเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ ทั้งดึงดูดเชฟชั้นนำจากต่างประเทศเข้ามาทำงานในประเทศไทย และส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเปิดร้านอาหารระดับไฟน์ ไดนิ่ง ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นด้วย
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า จากความสำเร็จดังกล่าว ททท. เล็งเห็นความสำคัญของโครงการ The MICHELIN Guide Thailand ในการเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ภายใต้แนวคิด BCG Model มุ่งให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมผ่านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy Tourism) ให้เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติ นำไปสู่การส่งเสริมการลงทุน ขับเคลื่อนสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในการนี้ ททท. จึงผนึกกำลัง The MICHELIN Guide ขยายความร่วมมือต่อเนื่องไปอีก 5 ปี จากปี พ.ศ. 2565 ถึงปี พ.ศ. 2569
ตั้งเป้าขยายพื้นที่สำรวจเพิ่มอย่างน้อย 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด และเพิ่มเติมใหม่อีก 2 จังหวัด
รวมถึง The MICHELIN Guide จะเพิ่มเติมรางวัลประเภทใหม่ MICHELIN Guide Thailand Service Award presented by TAT ให้แก่บุคลากรผู้ให้บริการยอดเยี่ยม เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแรงและยั่งยืนในทุกมิติต่อไป
นายมานูเอล มอนตานา ประธานกลุ่มมิชลิน ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกและออสเตรเลีย กล่าวว่า ภายใต้การขยายความร่วมมือครั้งนี้ The MICHELIN Guide จะรุกดำเนินการสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อค้นหาร้านอาหารและที่พักที่ดีสุด เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมภาคธุรกิจอาหารและการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งเป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีและจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นทั้งในช่วงที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และภายหลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายลง
ทั้งนี้ มิชลิน ไกด์ จะช่วยเป็นกระบอกเสียงในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ด้วยกิจกรรมการตลาดและสื่อสารผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ทั่วโลก เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงอาหารระดับโลก ตลอดจนช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยหลังวิกฤติโควิด-19
และมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการพัฒนาภาคธุรกิจร้านอาหารและการบริการ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐด้านเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio, Circular and Green Economy : BCG) ที่มุ่งให้เกิดการพัฒนาในหลากหลายมิติ เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ ต่อประชาชน และยังเกิดผลดีต่อโลกอย่างยั่งยืนด้วย
ผลงานที่ผ่านมา ในการร่วมมือของ ททท. กับ มิชลิน ไกด์