สรุปจักรวาล Dune ก่อนไปดู Dune: Part Two

Dune นับเป็นหนึ่งในนิยายที่วางรากฐานสำคัญให้กับงานเขียนแนวไซไฟ ไม่ว่าจะด้วยความล้ำลึกของเนื้อเรื่อง การสร้างโลกอย่างละเอียดลึกซึ้ง หรือตัวละครที่มีหลายมิติที่ องค์ประกอบต่างๆ ที่ แฟรงก์ เฮอร์เบิร์ต เคยเขียนเอาไว้ในนิยายเล่มนี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนและผู้สร้างภาพยนตร์จำนวนไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือหนังเรื่อง Star Wars ที่รับไอเดียจาก Dune ไปเต็มๆ

ในโอกาสที่ Dune: Part Two ภาคต่อของหนังที่ดัดแปลงมาจากนิยายกำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้ และเป็นภาคที่ถือเป็นบทสรุปของนิยายเล่มแรก Nation STORY จะมาสรุปให้ฟังถึงเรื่องราวในภาคก่อน (Dune: Part One) เพื่อปูทางสู่มหาศึกที่จะเกิดขึ้นในหนังภาคใหม่ สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูภาคแรก เราอยากแนะนำให้ไปดูกันก่อน ส่วนใครที่พร้อมและอยากจะทบทวนเรื่องราว …เราขอพาคุณกลับสู่ดวงดาวแห่งเนินทราย

 

เรื่องราวของ Dune เริ่มต้นในปี 10,191 (อีก 30,000 ปี ในอนาคตนับจากปัจจุบัน) เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้กระจัดกระจายไปอยู่อาศัยตามดวงดาวต่างๆ ทั่วทั้งกาแล็กซี่ ภายใต้ระบบการปกครองแบบจักรวรรดิขององค์จักรพรรดิชาดดัมที่สี่ แห่งตระกูลคอร์ริโน ด้วยอำนาจสูงสุดนั้น องค์จักรพรรดิได้มีรับสั่งให้ ดยุคเลโท แห่งตระกูลใหญ่อะเทรดีส เดินทางไปปกครองดวงดาวอาร์ราคิสแทนที่ฮาร์คอนเนน อีกหนึ่งตระกูลใหญ่ที่ปกครองดาวดวงนี้มาหลายสิบปี

การได้ปกครองอาร์ราคิสนั้นนับเป็นเรื่องใหญ่ อาร์ราคิสคือดวงดาวทะเลทรายที่เต็มไปด้วยสไปซ์ (spice) ทรัพยากรที่สามารถขุดพบได้แค่บนดาวดวงนี้เท่านั้น มันคือสารกระตุ้นที่สมาพันธ์อวกาศ (Spacing Guild) ใช้เพื่อนำทางยานอวกาศสำหรับเดินทางข้ามดวงดาว และเป็นสินค้าสำคัญของบรรษัทการค้าแห่งเอกภพ หรือ โชม (CHOAM) ด้วยเหตุนี้สไปซ์จึงเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าสุดในกาแล็กซี่ การได้ครอบครองอาร์ราคิสก็หมายถึงความมั่งคั่งและอำนาจที่อาจจะยิ่งใหญ่กว่าองค์จักรพรรดิเสียด้วยซ้ำ

 

ตระกูลอะเทรดีสตอบรับคำสั่งขององค์จักรพรรดิ โดยก่อนที่เลโท, เลดี้เจสสิกา, และลูกชายของเขา พอล อะเทรดีส จะเดินทางออกจากดาวบ้านเกิดคาลาดาน เลโทได้ส่ง ดันแคน ไอดาโฮ นายพลและนักรบประจำตระกูล ให้เดินทางไปก่อนในฐานะทูต เพื่อผูกสัมพันธไมตรีกับเฟรเมน ชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนดาวอาร์ราคิส พร้อมกับส่งเมนแทตชื่อ ทูเฟียร์ ฮาวัต มนุษย์ที่มีสมองคล้ายคอมพิวเตอร์ ให้ไปเตรียมการตรวจเช็กความปลอดภัยล่วงหน้า เพราะเลโทรู้ว่าการได้ขึ้นครองอาร์ราคิสครั้งนี้มีแผนการอยู่เบื้องหลัง และพวกเขากำลังเดินตรงเข้าสู่กับดัก

พอล อะเทรดีส ได้รับการเลี้ยงดูและฝึกทักษะของเบเนเจสเซริตจากเลดี้เจสสิกาผู้เป็นแม่ เขามักมีนิมิตอยู่เสมอ พอลจะฝันถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่มันจะเกิดขึ้น

ในคืนหนึ่ง แม่ใหญ่ไกอัส เฮเลน โมเฮียม ผู้ตัดสินความสัตย์ขององค์จักรพรรดิและผู้นำแห่งเบเนเจสเซริต (Bene Gesserit) ได้เดินทางมายังคาลาดานเพื่อพบกับเลดี้เจสสิกาและพอล อะเทรดีส แม่ใหญ่ไกอัสทำการทดสอบกับพอลและประเมินว่าพอลอาจเป็น ‘ควิซาตซ์ ฮาเดอราค’ ผู้มีพลังจิตที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งอวกาศและเวลา บุคคลที่เบเนเจสเซริตพยายามสรรค์สร้างมาอย่างยาวนานผ่านการควบคุมพันธุกรรม โดยให้เหล่านารีแห่งสำนักเบเนเจสเซริตไปมีลูกกับผู้นำตระกูลใหญ่ เลดี้เจสสิกาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่แทนที่จะให้กำเนิดเด็กผู้หญิงตามแผนการ เจสสิกากลับมีลูกชาย หรือก็คือพอลนั่นเอง

เลโท, เลดี้เจสสิกา, และพอล เดินทางไปถึงอาร์ราคิสอย่างปลอดภัย ดันแคนต้อนรับการมาถึงพร้อมกับข่าวดีด้วยการพา สติลการ์ หนึ่งในผู้นำของชาวเฟรเมนมาพบเจอ ทั่งสองฝ่ายได้ทำข้อตกลงกันว่า อะเทรดีสจะทำเพียงแค่ขุดสไปซ์และไม่เข้าไปทำร้ายชาวเฟรเมนในส่วนลึกของทะเลทราย

การเก็บเกี่ยวสไปซ์เป็นไปอย่างยากลำบาก อุปกรณ์ที่ตระกูลฮาร์คอนเนนเหลือทิ้งไว้ต่างชำรุดเสียหาย เลโทจึงขอความช่วยเหลือจาก เลียต ไคนส์ เฟรเมนและตุลาการเปลี่ยนผ่านแห่งอาร์ราคิส (ผู้ดูแลราชการแทนองค์จักรพรรดิ) ทั้งสองขับเครื่องบินออร์นิทอปเตอร์เพื่อไปดูการเก็บเกี่ยวสไปซ์ พร้อมกับพอลและ เกอร์นีย์ ฮัลเลก มือขวาของเลโท ในเหตุการณ์นั้น พอลได้สูดเอาสไปซ์และเห็นนิมิตอีกครั้ง เขาเกือบตายเพราะหนอนยักษ์แห่งทะเลทราย

ในเวลาใกล้เคียงกันบนดาวเกดิไพรม์ แม่ใหญ่ไกอัสได้เข้าหารือและมอบคำสั่งกับ บารอน ฮาร์คอนเนน เพราะแท้จริงแล้วการส่งต่อดาวอาร์ราคิสคือแผนการที่จักรพรรดิร่วมมือกับตระกูลฮาร์คอนเนน เพื่อที่จะโค่นล้มตระกูลอะเทรดีส ด้วยเหตุผลที่ว่าตระกูลอะเทรดีสกำลังได้รับเสียงข้างมากในสภาแลนส์ราด (Landsraad) จักรพรรดิจึงสัญญาจะสนับสนุนด้านกำลังทหารในการบุกยึดดาวอาร์ราคิส นอกจากนั้น แม่ใหญ่ไกอัสยังสั่งให้บารอนไว้ชีวิตพอลและเลดี้เจสสิกา บารอนตกปากรับคำ ทว่าลับหลังเขาตั้งใจจะส่งแม่ลูกไปตายกลางทะเลทราย

เมนแทตประจำตระกูลฮาร์คอนเนน ไพเทอร์ เดอ วรีส์ เดินทางไปยังดวงดาวซาลูซาซีคันดัส เพื่อรวบรวมกองทหารองครักษ์ของจักรพรรดิหรือ ซาร์ดูคาร์ สำหรับการบุกดาวอาร์ราคิส

ในคืนที่ฮาร์คอนเนนบุกอาร์ราคิส หมอยูเอห์คือคนที่ทรยศตระกูลอะเทรดีส เขาปิดกำแพงโล่ของเมือง วางยาสลบพอลและเลดี้เจสสิกา และทำให้เลโทเป็นอัมพาต เพราะบารอนสัญญากับหมอยูเอห์ว่าจะไว้ชีวิตภรรยาของเขาหากยอมทำตาม แม้จะทรยศ แต่ยูเอห์ก็ฝังฟันพิษเอาไว้ในปากเลโท เพื่อให้เลโทใช้ฆ่าบารอนเมื่อสบโอกาส

แร็บบาน หลานของบารอน นำกองกำลังฮาร์คอนเนนและกองทหารซาร์ดูคาร์บุกโจมตีเมืองทั้งเมืองอย่างไม่ทันตั้งตัว กองทหารอะเทรดีสล้มตาย หนึ่งในคนที่หนีรอดออกมาได้คือดันแคน หมอยูเอห์ถูกบารอนหักหลังและฆ่าตายกับมือ ส่วนเลโทจบชีวิตตัวเองด้วยการกัดฟันพิษที่หวังจะฆ่าบารอน ทว่าบารอนเอาชีวิตรอดมาได้

พอลและเลดี้เจสสิกาถูกจับไปทิ้งกลางทะเททราย ก่อนจะพบกับดันแคนที่ขับออร์นิทอปเตอร์มาช่วย ทั้งสามเดินทางไปยังแหล่งกบดานของ เลียต ไคนส์ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย แต่ทหารซาร์ดูคาร์ก็ไล่ล่าพวกเขาจนเจอ ในเหตุการณ์นั้น ดันแคนสละชีวิตตัวเองเข้าสู้เพื่อให้คนที่เหลือหนีรอด ไคนส์เองก็ถูกทหารซาร์ดูคาร์แทงและตายลงเช่นกัน มีเพียงพอลและเลดี้เจสสิกาที่ขับออร์นิทอปเตอร์หนีไปได้ โดยมุ่งตรงเข้าสู่พายุกลางทะเลทราย

การบุกยึดอาร์ราคิสของตระกูลฮาร์คอนเนนประสบความสำเร็จ ทั้งพอลและเลดี้เจสสิกาถูกรายงานว่าเสียชีวิต เพราะไม่เคยมีใครหนีรอดจากพายุทะเลทรายได้ ตระกูลฮาร์คอนเนนเข้าปกครองอาร์ราคิสอีกครั้งเพื่อขูดรีดชาวเฟรเมนและเก็บเกี่ยวสไปซ์

ทว่าความจริง พอลและเลดี้เจสสิกากลับรอดชีวิต ทั้งคู่เดินทางกลางทะเลทรายเพื่อขอความช่วยเหลือจากเฟรเมน ทั้งสองโดนหนอนยักษ์ไล่ล่า ก่อนจะมาพบเจอกับกลุ่มเฟรเมนของสติลการ์ สติลการ์บอกว่าเขาให้ที่หลบภัยกับพอลได้ แต่จะฆ่าเจสสิกาเพื่อหวังเอาน้ำในร่างกาย เพราะสำหรับชาวเฟรเมน น้ำคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุด ทว่าเจสสิกาสามารถใช้ทักษะของเบเนเจสเซริตพลิกสถานการณ์จนเอาชนะสติลการ์ได้ สติลการ์จึงให้คำมั่นและรับเอาทั้งพอลและเลดี้เจสสิกามาอยู่ในการคุ้มครอง

พอลยังได้พบกับ ชานี เด็กสาวชาวเฟรเมนที่เขามักจะฝันถึงมาตลอดตั้งแต่อยู่บนดาวคาลาดาน

จามิสหนึ่งในสมาชิกกลุ่มเฟรเมนไม่ยอมรับกับการตัดสินใจของสติลการ์ เขาจึงขอท้าประลองกับผู้มาใหม่ พอลเลยเสนอตัวเองเข้าต่อสู้ โดยระหว่างต่อสู้พอลเห็นนิมิตและได้ยินเสียงกระซิบที่กล่อมให้เขายอมตายในการประลอง คล้ายกับว่าเขาจะได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในฐานะควิซาตซ์ ฮาเดอราค แต่ในท้ายที่สุด เขาเลือกที่จะชนะการประลองด้วยการสังหารจามิส ผลการต่อสู้ทำให้พอลได้รับการยอมรับเข้าร่วมกลุ่มเฟรเมน

เส้นทางของพอลมุ่งหน้าสู่ทะเลทรายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งกับเฟรเมน และรอวันกลับไปทวงบัลลังก์ที่ควรจะเป็นของเขา

ทั้งหมดคือเนื้อเรื่องของ Dune: Part One ที่จะปูทางไปยังศึกสุดท้ายใน Dune: Part Two ส่วนเนื้อหาในหนังภาคใหม่จะออกมาน่าประทับใจหรืออลังการแค่ไหน คงมีแต่ต้องไปดูและตัดสินเองเท่านั้น