คดีล่วงละเมิดทางเพศที่กำลังเป็นข่าวเกรียวกราวอยู่ในขณะนี้ ในมุมมองคนทำงานด้านผู้หญิง ที่คลุกคลีอยู่กับการช่วยเหลือผู้เสียหาย มองว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก แต่ก็แก้ไขไม่ได้ หรือไม่สามารถทำให้หมดไป
เลขาธิการมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง กล่าวว่า มารดา และผู้เสียหายจากการถูกกระทำของปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ติดต่อเข้ามาเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ทำงานด้านสตรี สุเพ็ญศรี ช่วยผู้เสียหาย หรือผู้ถูกกระทำทั้งอนาจาร และล่วงละเมิดทางเพศ จากทุกอาชีพ ส่วนผู้กระทำ ก็มีอยู่ทุกอาชีพเช่นกัน ทั้งคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม หมอ นักการธนาคาร นักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
จากประการณ์การช่วยเหลือผู้เสียหาย พบว่า คดีข่มขืนกระทำชำเรา กว่าจะเข้าแจ้งความ ผู้เสียหาย ต้องใช้เวลาคิดตรึกตองอยู่นาน เพราะนอกจากกระทบกับตัวเองทั้งชีวิตส่วนตัว ทั้งหน้าที่การงาน แล้วยังส่งผลกระทบกับคนใกล้ชิด และครอบครัว อีกด้วย
ผู้เสียหายจำเป็นต้องได้รับความเข้าใจ และความเห็นใจจากคนใกล้ชิด ในการต่อสู้และเผชิญความจริง
เพื่อปกป้องผู้เสียหาย "คดีข่มขืน" จึงมีการแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ฉบับที่ 27 มีผลใช้บังคับ 28 พฤษภาคม 2562
ผลของการแก้ไขกฎหมาย จากเดิมคดีข่มขืน ถ้าเกิดก่อน 28 พฤษภาคม 2562 ยังคงเป็นความผิดที่ยอมความได้ แต่หากเกิดตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ไม่สามารถยอมความได้ ดังนั้น ผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน
แต่การร้องทุกข์ช้าเกินไป การพิสูจน์จะยิ่งมีความยุ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากการสูญหายของพยานหลักฐาน การรีบร้องทุกข์ แล้วไปตรวจร่างกาย โดยปกติจะได้ กินยาป้องกันการตั้งครรภ์ และยาต้านการติดเชื้อ HIV แต่จะได้ผลดีภายใน 72 ชั่วโมงนับแต่เกิดเหตุหากมีการตั้งครรภ์เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับเพศ ผู้เสียหายมีสิทธิ์ขอยุติการตั้งครรภ์ได้
รูปภาพภาพนี้ ติดอยู่บนผนังสำนักงานมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ชื่อภาพ “ความเจ็บปวดที่มีหวังและกำลังใจ” เป็นภาพที่ผู้เสียหายรายหนึ่ง วาดขึ้นเพื่อให้กำลังใจผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ผู้เสียหายที่เข้ามาขอให้มูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม ช่วยเหลือ ส่วนใหญ่แล้วจะตกเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง
ส่วนคดีนักการเมืองดัง ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ล่าสุดมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว ถึง 15 คน โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ขณะที่เจ้าตัวปฏิเสธ
“ปริญญ์ พานิชภักดิ์” ถูกแจ้งข้อหา อนาจารต่อหน้าธารกำนัล 2 คดี และข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี เขาได้ประกันตัวสู้คดี แต่ศาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ และห้ามยุ่งเกี่ยวกับพยาน
หากพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 ฉบับที่ 27 แล้ว คดีบางคดีที่เกิดก่อน 28 พฤษภาคม 2562 ยอมความได้ แต่คดีที่เกิดหลังจาก28 พฤษภาคม 2562 ไม่สามารถยอมความได้
พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า มีผู้เสียหายในคดีทั้งหมด 15 ราย แบ่งเป็นคดีข่มขืน 3 ราย อนาจาร 7 ราย ข่มขืนและอนาจาร 1 ราย อนาจารและพรากผู้เยาว์ 1 ราย ขาดอายุความ 1 ราย คดีต่างประเทศ 1 ราย และกำลังพิจารณาว่าคดีขาดอายุความหรือไม่ 1 ราย ซึ่งคดีที่ สน.ลุมพินี มี 9 ราย
โดยมีคดีของผู้เสียหายที่มีคลิปเสียงการสนทนากับผู้ต้องหา ซึ่งตอนแรกผู้เสียหายประสงค์ให้การเป็นพยานเท่านั้น เพราะได้รับการชดใช้มาส่วนหนึ่งแล้ว แต่ตำรวจพิจารณาแล้วเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ จึงกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อรับเป็นคดี