svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คลิปเด็ด

สืบสวนความจริง : คดีเด่นป.ป.ช."ดำรงค์ พิเดช"เกณฑ์ขรก.ร่วมม็อบ นปช. ปี 55

"คณะกรรมการ ป.ป.ช." ชี้มูลความผิดทางอาญา และวินัยกับส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ดำรงค์ พิเดช เมื่อครั้งเป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมพวก ปมขน จนท.กรมอุทยานฯ 2.5 พันคน เข้าพักวัดพระธรรมกาย ก่อนร่วมม็อบเสื้อแดง ปี 2555

มติ "คณะกรรมการ ป.ป.ช." ชี้มูลความผิด "ดำรงค์ พิเดช" กรณีอนุมัติค่าใช้จ่ายโครงการฝึกอบรบจริยธรรมสำหรับเจ้าหน้าที่ "กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" จำนวน 2,500 คน เมื่อวันที่ 7-16 มิ.ย.2555 ที่วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และมีการศึกษาดูงานเกี่ยวกับการบริหารและจัดการสัตว์ป่า ที่สวนสัตว์ดุสิต โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ "นปช." ซึ่งพบว่า มีการนำเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ เข้าร่วมในการชุมนุมของ นปช. ด้วย

 

เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. "นิวัติไชย เกษมมงคล" เผยว่า การอบรมที่วัดธรรมกาย แต่มาดูงานสวนสัตว์ดุสิต เป็นการอนุมัติโครงการอย่างเร่งรีบ และมีการเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ที่หน้าอาคารรัฐสภา

 

ตามสำนวนการไต่สวนของ "คณะกรรมการ ป.ป.ช." ให้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามที่ฝ่ายเลขานุการนำเสนอ และให้เพิ่มเติมการไต่สวน สอบปากคำอดีต ส.ว.  3 คน  ดังนี้

 

1.วันชัย สอนศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา 
2.ตวง อันทะไชย อดีตประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา 
3.นริศ ขำนุรักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการ การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา 
และสอบปากคำ อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ มโนพัศ หัวเมืองแก้ว 

"คณะกรรมการ ป.ป.ช." ได้ขอทราบข้อเท็จจริงและเอกสารที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ว่าเคยได้รับเรื่องร้องเรียน และมีการตรวจสอบหรือไม่ และผลการตรวจสอบเป็นประการใด

 

รวมถึงไต่สวนข้อเท็จจริง โดยสอบปากคำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกรมอุทยานฯ และขอเอกสารประวัติการรับราชการ หรือ ก.พ.7 ของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน จากกรมอุทยานฯ

 

คดีนี้ ดำรงค์ ถูกกล่าวหาพร้อมกับพวก 2 ราย คือ อดีตรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เริงชัย ประยูรเวช / และ อดีตผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง กรมอุทยานฯ ธนโรจน์ โพธิสาโร

"คณะกรรมการ ป.ป.ช." ชุดใหญ่ มีมติเสียงข้างมาก 6 เสียง เห็นว่าการกระทำของ ดำรงค์ พิเดช เริงชัย ประยูรเวช และธนโรจน์ โพธิสาโร มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157  ประกอบมาตรา 90

 

และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

 

และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

 

และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) ตามมาตรา 82  วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 

 

ส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างน้อย 3 เสียง ในส่วนของ สุภา ปิยะจิตติ เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า การกระทำของ "ดำรงค์ พิเดช" มีมูลความผิดทางอาญานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น

 

และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151  และมาตรา 157  ประกอบมาตรา 90  

 

และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90  

 

และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

 

และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535  (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง

 

การกระทำของ เริงชัย  และธนโรจน์  มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น

 

และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151  ประกอบมาตรา 86  และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90

 

และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

 

และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

 

และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) มาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทลงโทษที่หนักกว่า

 

ก่อนที่ประธาน ป.ป.ช. จะสรุปผลการลงคะแนนเสียงให้ถือความเห็นของกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 6 เสียง ชี้มูลความผิดดังกล่าวในเวลาต่อมา 

 

คดีนี้ "คณะกรรมการ ป.ป.ช." มีมติ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อทำสำนวนยื่นฟ้อง ต่อศาล

 

สำหรับ ดำรงค์ พิเดช เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2565  ว่า ไม่กังวล สามารถตอบคำถามที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด เพราะไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมดังกล่าว โดยในเวลานั้นเป็นปีพุทธยันตี ตนในฐานะอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ใน จึงจัดโครงการอบรมเรื่องพระพุทธศาสนาโดยใช้สถานที่คือ วัดพระธรรมกาย โดยให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั่วประเทศ ยกเว้นจากภาคใต้ เพราะมีเจ้าหน้าที่หลายนายนับถือศาสนาอิสลาม เข้ามาอบรม เป็นเวลา 2 สัปดาห์ และมีการดูงานที่สวนสัตว์ดุสิต เพราะตอนนั้นยังมีปัญหาเรื่องเจ้าหน้าที่ยังแยกไม่ออกระหว่างสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าสงวน และสัตว์ที่สามารถครอบครองดูแลได้

 

การเริ่มอบรมวันที่ 7 มิ.ย.2555 ช่วงเช้า แต่มีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งมาก่อน แล้วอาจจะเห็นเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้อง มาชุมนุมกัน และมีการผูกเปล กางเต็นท์นอนกันบริเวณสวนสัตว์ มีนักข่าวไปเห็น ก็เอาไปเขียนข่าวว่า กรมอุทยานฯ ระดมกำลังเจ้าหน้าที่มาสมทบม็อบ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด และตอนนั้น ก็ไม่อยู่ประเทศไทย วันที่ 5 มิ.ย.2555 ไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา โดยมอบหมายให้ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เริงชัย ประยูรเวช  ในขณะนั้นรักษาการแทน