ความเจ็บป่วยของลูกเป็นเรื่องที่พ่อแม่ไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งโรคติดต่อบางชนิดอย่างการติดเชื้อ RSV เป็นเรื่องที่ป้องกันได้หากเราเตรียมตัวให้พร้อม โดยล่าสุด ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่อง "RSV ฤดูกาล กำลังจะมาถึง" โดยระบุข้อความว่า
...ในทุกปีฤดูกาลของการติดเชื้อ RSV ที่เป็นปัญหาให้กับเด็กต่ำกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ จะเริ่มขึ้นในต้นเดือนกรกฎาคม และจะไปสิ้นสุดฤดูกาลในเดือนพฤศจิกายน
RSV ก่อให้เกิดปัญหาความรุนแรงให้เด็กเล็กได้ ทำให้เด็กมีมีไข้ ไอ หอบ และบางรายถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล
โรคนี้เป็นแล้วเป็นอีกได้ ในเด็กที่อายุถึง 5 ปี แทบจะไม่มีใครเลยที่ไม่เคยเป็น บางคนเป็นถึง 3-4 ครั้งก็มี
RSV ไม่มียาต้านไวรัส การรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนใช้ป้องกันในเด็ก การป้องกันที่ดีที่สุด ก็เป็นเช่นเดียวกับการป้องกัน โควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ คือล้างมือบ่อยๆ ผู้ป่วยหรือผู้ที่เป็นโรคทางเดินหายใจ จะต้องใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไม่ใช้ของร่วมกันโดยเฉพาะในเด็ก หมั่นทำความสะอาด ของเล่น และของใช้โดยเฉพาะที่อยู่ในโรงเรียนอนุบาล หรือสถานเลี้ยงเด็ก ดูแลเรื่องสุขอนามัย รับประทานอาหารที่ สุก สะอาด
RSV คืออะไร
ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) คือไวรัสชนิดมีเปลือกหุ้ม มี 2 สายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็กๆ ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี สำหรับในประเทศไทยพบการระบาดของไวรัส RSV ได้บ่อยในช่วงฤดูฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาว
ระยะฟักตัวหลังจากได้รับเชื้อไวรัส RSV
หลังจากที่รับเชื้อนานเท่าไรจึงมีอาการป่วย คำตอบคือ หลังรับเชื้อ RSV สามารถแสดงอาการได้เร็วที่สุดหลังติดเชื้อ 2 วัน ช้าที่สุดประมาณ 8 วัน โดยส่วนใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 4-6 วัน
อาการป่วย RSV เป็นอย่างไร ?
ช่วงแรกมักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา คือมีอาการไข้ ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่แข็งแรงดีอาการมักไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่สำหรับเด็กเล็ก (ต่ำกว่า 2 ปี) ที่ติดเชื้อครั้งแรกพบร้อยละ 20-30 ที่มีอาการโรคลุกลามไปทางเดินหายใจส่วนล่าง (หลอดลม เนื้อปอด) ทำให้เกิดหลอดลมใหญ่อักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบและปอดอักเสบตามมาได้ โดยมักแสดงอาการไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงหวีดหวิว หรือเสียงครืดคราดในลำคอ สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 1-2 ปี เด็กที่ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เด็กที่คลอดก่อนกำหนด โรคหัวใจ โรคปอดเรื้อรัง บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น หูอักเสบ ไซนัสหรือปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน ซึ่งจะมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้
อาการป่วย RSV แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร?
อาการป่วย RSV มักแสดงอาการไม่แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาในผู้ใหญ่หรือเด็กโต แต่ในเด็กเล็กเริ่มต้นเป็นไข้หวัดแล้วอาจมีเชื้อลุกลามไปทางเดินหายใจส่วนล่างเป็นปอดอักเสบได้
รู้ได้อย่างไรว่าลูกป่วยเป็น RSV?
แพทย์สามารถตรวจจากน้ำมูก ซึ่งจะตรวจพบเชื้อ RSV เพียงร้อยละ 53-96 ของผู้ป่วยทีติดเชื้อ RSV การตรวจทำได้ในบางโรงพยาบาลเท่านั้น ทั้งนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจทุกรายเพราะการตรวจพบหรือไม่พบเชื้อ RSV ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการรักษา แต่ช่วยในการแยกผู้ป่วยเพื่อลดการแพร่กระจายโรค
อาการป่วย RSV แบบไหนต้องนอนโรงพยาบาล?
เมื่อเด็กป่วย มีไข้สูง ไม่กิน ไม่เล่น หายใจเร็วกว่าปกติ หายใจมีเสียงหวีด หงุดหงิดง่าย หรือเซื่องซึม ผู้ปกครองควรจะพามาพบแพทย์เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไป ส่วนอาการที่ต้องพึงระวัง คือหากมีอาการไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็วหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงวี้ด (Wheezing) กินอาหารหรือนมได้น้อย ซึมลง ปากซีดเขียว แสดงว่าผู้ป่วยที่มีอาการหนัก และมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
โรค RSV ติดต่อได้อย่างไร?
สำหรับโรค RSV ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกายจากการหายใจเอาละอองน้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ RSV หรือสัมผัสสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น บนโต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิดประตู ของเล่น โดยเชื้อ RSV สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมงและสามารถอยู่ที่มือของเราได้นานประมาณ 30 นาที ดังนั้น ผู้ใหญ่ที่มีเด็กเล็กป่วยในบ้านควรล้างมือบ่อยๆ ก่อนสัมผัสเด็ก
แพร่กระจายโรคได้นานไหม?
โดยทั่วไปผู้ป่วยจะแพร่เชื้อได้นาน 3-8 วันหลังมีอาการป่วยแต่อาจนานถึง 3-4 สัปดาห์ในเด็กเล็กหรือเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ผู้ใหญ่ติดเชื้อไวรัส RSV ได้หรือไม่?
ผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อ RSV ได้ แต่อาการมักไม่รุนแรงเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันมาบ้างแล้ว
การรักษาทำอย่างไร?
ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV มีแค่รักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ ในเด็กบางรายที่มีเสมหะเหนียวมาก ต้องทำการพ่นยาขยายหลอดลมหรือน้ำเกลือผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอดและดูดเสมหะออก ยาปฏิชีวนะไม่มีประโยชน์หากไม่มีเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
โรค RSV เป็นแล้วเป็นอีกได้หรือไม่?
เชื้อไวรัสนี้มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เป็นได้หลายครั้ง เนื่องจากไวรัส RSV มี 2 สายพันธุ์และกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ
หายป่วยไปโรงเรียนได้ไหมและเริ่มไปโรงเรียนได้เมื่อไหร่?
หากมีอาการป่วยควรให้หยุดเรียน หยุดไปเนอเซอร์รี่จนกว่าอาการจะหาย หรืออย่างน้อย 5-7 วัน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
การป้องกันโรค RSV ทำได้อย่างไร?
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ไม่มียาป้องกัน จึงควรป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนี้