svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สุขภาพ

ปกป้องผิวหนังและดวงตา หลังค่า UV Index ดัชนีความร้อน-รังสียูวีในไทยพุ่งสูง

08 เมษายน 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ส่องผลกระทบสุขภาพผิวและดวงตาจากค่ารังสียูวีที่มากเกินไป หลังศูนย์โอโซนและรังสี กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้ฤดูร้อนของไทยมีค่าดัชนีรังสียูวีอยู่ในระดับสูงมาก

หน้าร้อนปีนี้ ค่า UV Index หรือดัชนีรังสียูวี อยู่ในระดับมีความเสี่ยงสูง โดยข้อมูลจากศูนย์โอโซนและรังสี กรมอุตุนิยมวิทยา (Ozone and Radiation Center) ระบุว่า ในช่วงวันนี้ ถึงวันที่ 10 เมษายน 2567 บริเวณจังหวัดที่มักจะมีค่าดัชนีรังสียูวีสูงสุดคือจังหวัดชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่าง ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สงขลา นราธิวาส โดยบางวันอาจมีค่าสูงถึง 14-15 (กรณีท้องฟ้าโปร่ง) ซึ่งอยู่ในระดับ "มีความเสี่ยงสูงอย่างยิ่ง" ในขณะที่พื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ดัชนีรังสียูวีจะอยู่ในช่วง 9-11 ซึ่งจัดอยู่ในระดับ "มีความเสี่ยงสูงมาก" เช่นกัน

ทั้งนี้ ในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูร้อนของประเทศไทย ดัชนีรังสียูวีจะอยู่ในระดับสูงมาก โดยทั่วไปจะมีค่าอยู่ในช่วง 9-12 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับ "มีความเสี่ยงสูงมาก" จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจากการสัมผัสแสงแดดโดยตรง โดยค่า UV Index หรือดัชนีรังสียูวี คือค่าที่บ่งบอกถึงระดับความเข้มข้นของรังสียูวีที่มาถึงพื้นผิวโลก โดยมีหน่วยเป็นตัวเลขตั้งแต่ 0 ขึ้นไป ยิ่งค่าสูงหมายถึงรังสียูวีมีความเข้มข้นมากขึ้น

ผลกระทบจากรังสียูวีที่มากเกินไป

การได้รับรังสียูวีในปริมาณที่พอเหมาะ ประมาณ 15-30 นาทีต่อวัน จะช่วยกระตุ้นการสร้างวิตามินดีในร่างกาย แต่หากได้รับมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อผิวหนังและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ทำให้ผิวหนังแดงร้อน ลอก และเกิดผื่นคัน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอย และผิวหนังเสื่อมสภาพก่อนวัย อาจทำให้เกิดต้อกระจกและเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อม และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง โดยเฉพาะมะเร็งชนิดเมลาโนมา

ผลกระทบสุขภาพผิวและดวงตาจากค่ารังสียูวีที่มากเกินไป

ทำไมรังสียูวีในแสงแดดถึงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

แสงแดดประกอบด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) หรือรังสียูวี (UV) ที่สามารถทำให้คอลลาเจน (เซลล์เนื้อเยื่อของผิวหนัง) เสื่อมสภาพ สารอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากร่างกายต่อสู้กับสิ่งระคายเคืองเป็นเวลานาน หากสารตัวนี้หลงเหลืออยู่ในผิวหนัง สามารถทำลายเซลล์รอบๆ ตัว ส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้

ภัยสุขภาพและโรคที่เกิดจากรังสียูวีในแสงแดด

ผิวไหม้แดด

รังสียูวีมีส่วนเข้าไปทำร้ายเซลล์ผิวหนังให้ได้รับความเสียหาย เมื่ออยู่ท่ามกลางแสงแดดที่มีรังสียูวีปริมาณมาก มีส่วนทำให้เสียเลือดถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวแดงจัด และเกิดการไหม้เกรียม อีกทั้งยังมีส่วนทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังในภายหลังอีกด้วย

เซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลาย

นอกจากรังสียูวีจะมีส่วนทำให้ผิวหนังไหม้แล้ว ยังส่งกระทบทำให้เม็ดเลือดขาวกระจายตัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อีกทั้งเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายติดเชื้อโรคได้ง่ายอีกด้วย

เป็นโรคผิวหนัง

แสงแดดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคผิวหนัง โดยมีส่วนทำให้เกิดโรคเอสแอลอี โรคติดเชื้อเริม และโรคลมพิษจากแสงแดด

ผิวมีกระแดดและฝ้า (Melasma)

รังสียูวีในแสงแดด และ Visible Light มีส่วนไปกระตุ้นเซลล์การสร้างเม็ดสีเมลาโนไซต์ ส่งผลให้เกิดการผลิตเซลล์เม็ดสีเมลานินที่อยู่ในผิวหนังชั้นนอก หากมีเมลานินในจำนวนมาก ผิวก็จะมีความเข้ม ทำให้สีผิวไม่เท่ากัน รวมถึงเกิดกระ และฝ้าตามมาภายหลัง

ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย

รังสียูวีเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่นก่อนวัย! โดยรังสียูวีในแสงแดดจะไปทำลายคอลลาเจนที่อยู่ในเซลล์ผิวหนัง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดริ้วรอย ความหมองคล้ำ และจุดด่างดำที่ไม่พึงประสงค์

มะเร็งผิวหนัง (Skin Cancer)

เพราะรังสียูวีจะเข้าไปทำลาย DNA (genotoxic) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังขึ้นได้ อีกทั้งในแสงแดดก็ยังมีสารกระตุ้นเซลล์เนื้อร้ายอย่างเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว หากยังปล่อยให้ผิวหนังปะทะกับแสงแดดจัดจ้าโดยตรงเป็นเวลานานต่อไป ก็เท่ากับยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังได้มากยิ่งขึ้น เพราะมีผลวิจัยจากทางเว็บไซต์ Science Learning ที่เปิดเผยไว้ว่า กว่า 90% ของผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนัง ล้วนมีสาเหตุมาจากรังสียูวีนั่นเอง

โรคลมแดด (Heat Stroke)

เกิดจากการที่ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป และขับเอาความร้อนออกจากร่างกายไม่ทัน จนมีอาการหน้ามืด ตาลาย เป็นลม  สามารถช็อก และชีวิตได้

อันตรายของรังสียูวีในแสงแดดต่อดวงตา

อันตรายของรังสียูวีในแสงแดดต่อดวงตา

โดยปกติเราสามารถปกป้องผิวหนังจากแสงแดดด้วยการใช้ครีมกันแดด แต่ทราบหรือไม่ว่า แม้ดวงตาของเราจะคิดเป็นเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวทั่วร่างกาย แสงแดดก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อส่วนต่างๆ ของดวงตาได้มากมาย ดังนี้

เปลือกตา แสงแดดทำให้เปลือกตามีความเปลี่ยนของสีผิว จุดด่างดำ ริ้วรอยรอบดวงตา นอกจากนี้ ยังมีรายงานพบว่ามะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณเปลือกตาบางขนิด เช่น basal cell carcinoma squamous cell carcinoma ตลอดจน malignant carcinoma อาจเกี่ยวเนื่องมาจากการได้รับแสงแดดอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน

เยื่อบุตา มีการเสื่อมของเยื่อบุตาบริเวณที่ชิดกับขอบตาดำ เรียกว่า ต้อลม ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองจากลม ฝุ่น รังสียูวี หากต้อลมลุกลามเข้าไปในตาดำ เรียกว่า ต้อเนื้อ ไม่เพียงทำให้เกิดความไม่สวยงาม แต่อาจรบกวนการมองเห็น หรือหากมีการอักเสบ จะทำให้มีอาการปวดและระคายเคืองได้

กระจกตา การอักเสบเฉียบพลันของกระจกตา ทำให้มีอาการปวดตามากน้ำตาไหล มักจะเกิดอาการประมาณ 2-3 ชั่วโมง หลังจากได้รับรังสียูวีปริมาณมาก เช่น แสงสะท้อนจากหิมะ หรือรังสียูวีจากการเชื่อมโลหะโดยไม่สวมใส่แว่นป้องกัน อาการมักจะเป็นอยู่ชั่วคราวประมาณ 1-2 วัน

เลนส์ตา การเกิดต้อกระจก แม้ว่าต้อกระจกจะเกิดจากการเสื่อมตามวัย แต่พบว่าการได้รับรังสียูวีทำให้เป็นต้อกระจกมากขึ้นได้ ในแต่ละปี มีประชากรกว่า 16 ล้านคนทั่วโลกตาบอดจากต้อกระจก จากรายงานขององค์การอนามัยโลกพบว่าประมาณ 20 เปอร์เซนต์ของต้อกระจกอาจมีสาเหตุมาจากการได้รับรังสียูวีมากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุที่หลีกเลี่ยงได้

จอตา ในคนหนุ่มสาวเลนส์ตาที่ยังใสอยู่ไม่สามารถดูดซับรังสียูวีไว้ได้หมด จึงมีโอกาสที่รังสียูวีจะเข้าไปทำลายจอตาทำให้เกิดจอตาเสื่อมได้ แม้ว่าในจอตาของเราจะมีสารหรือเม็ดสีตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องจอตา แต่สารเหล่านี้จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้กระบวนการป้องกันจอตาตามธรรมชาติลดลงและเกิดการเสื่อมของจอตาได้ง่ายขึ้น เมื่อได้รับรังสียูวี นอกจากนี้บางการศึกษาเชื่อว่ารังสียูวีน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาวะจุดรับภาพเสื่อมในผู้สูงอายุ (age-related macular degeneration, AMD)

ทั้งนี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุข แนะนำให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น. หากจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ให้สวมเสื้อผ้าปกปิดที่บังแดดได้ดี ใส่หมวกและแว่นตากันแดด รวมถึงทาครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ (30+ หรือ 50+)

 

 

logoline