หน้าร้อนปีนี้ ไปเที่ยวทะเล เล่นน้ำสงกรานต์ หนีไม่พ้นแสงแดดที่เป็นต้นเหตุปัญหาผิวคล้ำเสีย ฝ้า กระ ริ้วรอย รวมถึงผิวแก่ก่อนวัย (Photoaging) ล่าสุด แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ร่วมกับ ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม เผยความลับเรื่องรังสียูวีกับสุขภาพผิว พร้อมแนะนำวิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับกิจกรรมในแต่ละไลฟ์สไตล์
UV Index ของประเทศไทยอันตรายต่อผิวแค่ไหน?
แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล เผยว่า ค่าดัชนีความเข้มข้นของรังสีอัลตราไวโอเลต (UV Index) ของประเทศไทยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 11–12 เกือบทั้งปี เป็นระดับความรุนแรงที่สูงมาก ซึ่งช่วงเวลาที่ค่า UV Index รุนแรงที่สุด คือช่วงเวลา 10.00-15.00 น. ยิ่งผิวสัมผัสกับแสงแดดนานเท่าไหร่ ย่อมส่งผลกระทบต่อผิวของเรา
โดยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ
หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก ควรทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว รวมถึงเหมาะกับกิจกรรมที่ต้องทำด้วย
รังสีในแสงแดดทำร้ายผิวอย่างไรบ้าง?
แสงแดดประกอบด้วยรังสีต่างๆ หลายชนิด ได้แก่ รังสีอินฟราเรด (Infrared light) แสงที่มองเห็นได้ (Visible light) และรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet light; UV) ซึ่งเป็นรังสีที่เป็นตัวการทำร้ายผิวของเราสามารถแบ่งได้ 3 ช่วง คือ
เลือกผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างไรให้ตอบโจทย์
ปัจจุบันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวแสงแดดหลากหลายชนิดเพื่อให้เลือกใช้ได้ถูกต้องตามประเภทผิว หรือเลือกใช้ให้ตรงตามประเภทกิจกรรม เพราะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และUVB ซึ่งผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
เลือกปกป้องพร้อมบำรุง
ครีมกันแดดทั่วไปๆ มักจะมีเพียงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดเพียงอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่นควบคู่กัน แต่ในปัจจุบันนี้ครีมกันแดดได้มีบทบาทสำคัญในการดูแลผิวพรรณของเรามากขึ้นด้วยนำคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติมาเป็นส่วนผสม อาทิ สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin), สารสกัดอูกอน (Ougon extract) พืชทะเลทรายที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ รวมถึงช่วยปรับสีผิวที่หมองคล้ำให้กลับแลดูสว่างอย่างเป็นธรรมชาติ (De-colorizing action) หรือสารสกัดจากชาขาว (White tea extract) ที่มีสารโพลีฟีนอล ช่วยยับยั้งกระบวนการที่ผิวทำปฎิกิริยากับออกซิเจน (Anti-oxidant) ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เป็นต้น
ค่า SPF ในครีมกันแดดเลือกอย่างไร?
เราสามารถพิจารณาปัจจัยหลักในการปกป้องผิวจากรังสียูวีแต่ละประเภทได้จากค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB เป็นค่าระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้โดยที่ผิวเราไม่ไหม้ (Sunburn) คำนวณจากระยะเวลาที่ผิวทนต่อแสงแดดได้คูณกับค่าของ SPF ตัวอย่างเช่น คนเอเชียผิวขาวทั่วๆ ไปสามารถโดนแสงแดด 20 นาทีก่อนที่ผิวจะเริ่มอักเสบแสบแดง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF30 จะช่วยให้ผิวเราจะสามารถทนต่อแสงแดดได้นานขึ้นคิดเป็น 20 นาที x ค่า SPF30 = 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมง
ค่า PA จำเป็นต้องมีในครีมกันแดดดหรือไม่?
อีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ ค่า PA (Protection grade of UVA) ที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVA เป็นค่าที่สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่น (Japan Cosmetic Industry Association, JCIA) กำหนดขึ้นเพื่อแสดงถึงความสามารถในการป้องกันอาการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสี UVA โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) ในการแสดงระดับของประสิทธิภาพ ปัจจุบันค่า PA++++ ถือว่าเป็นค่าที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้มากกว่า 16 เท่า
เลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับแต่ละกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันได้ อย่างวันที่อยู่บ้าน ทำงานในออฟฟิศ หรือไม่ได้เผชิญกับแสงแดดจัด สามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 และ PA+++ ก็เพียงพอแล้ว หากวันที่ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 และ PA++++ หากเป็นกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเหงื่อออก หรือว่ายน้ำ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้เป็นอย่างดี (Very Water Resistant)
ทั้งนี้ วิธีการทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพนั้น ควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่พอเหมาะ โดยเกลี่ยให้บริเวณของผิวที่ต้องสัมผัสกับแสงแดด หากเป็นบริเวณใบหน้า ควรใช้ครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือปริมาณเท่าเหรียญ 10 บาท และควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากเป็นครีมกันแดดชนิดที่ไม่กันน้ำ ควรทาซ้ำ เมื่อเหงื่อออกมากหรือระหว่างทำกิจกรรม ควรทาให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณลำคอ ใบหู และบ่าด้วย