
วงการตลกร่วมอาลัยกับการจากไปของดาวอีกดวงอย่าง "เจมส์ เชิญยิ้ม" หลังเข้ารักษาอาการป่วยด้วย “ภาวะเลือดออกที่สมอง” และต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียูอยู่หลายวัน ก่อนจากไปอย่างสงบ โดยเรื่องราวสุขภาพที่น่าสนใจคือ “เลือดออกในสมอง” ภาวะที่อันตรายถึงชีวิตนี้คืออะไร และน่ากลัวแค่ไหน เรารวบรวมคำตอบมาให้แล้ว
เลือดออกในสมอง คืออะไร?
เลือดออกในสมอง (Intracerebral hemorrhage/Brain bleeds) คือภาวะที่หลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกไปกดเนื้อเยื่อสมอง ทำให้สมองขาดออกซิเจนและไม่สามารถทำหน้าที่ของสมองส่วนนั้นได้ ทำให้ “ภาวะเลือดออกในสมองเป็นอันตรายถึงชีวิต” และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์โดยเร็วที่สุด
เลือดออกในสมอง มีสาเหตุมาจากอะไร?
สำหรับเลือดออกในสมอง มีสาเหตุจากหลากหลายปัจจัย ดังนี้
1 การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head trauma) อันเนื่องมาจากการได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ อุบัติเหตุทางกีฬา การถูกกระทำด้วยของแข็งที่ศีรษะ หรือการการสะดุดลื่นหกล้มศีรษะกระแทกพื้นอันเป็นเหตุให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน
2 ความดันโลหิตสูง (Hypertension) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานทำให้ผนังหลอดเลือดได้รับความเสียหายและทำให้เลือดออกในสมอง
3 หลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ไขมันเกาะจับเส้นโลหิต เกิดการสะสมของไขมันในหลอดเลือดแดง
4 ลิ่มเลือดอุดตัน (Blood clot) ในสมอง ซึ่งอาจเป็นลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในสมองเองหรือมาจากส่วนอื่นในร่างกาย การอุดตันของลิ่มเลือดที่สมองทำให้หลอดเลือดแดงได้รับความเสียหายและอาจทำให้มีเลือดออกในสมองตามมา
5 ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral aneurysm) เกิดจากการเสื่อมสภาพของผนังหลอดเลือดบางส่วนทำให้เส้นเลือดโป่งพองและแตกออกจนเกิดการสะสมคั่งค้างของเลือดในสมองทำให้สมองบวม
6 ผนังหลอดเลือดในสมองเปราะ (Cerebral amyloid angiopathy) เกิดจากการสะสมและตกตะกอนของโปรตีนอะไมลอยด์ (Amyloid protein) ของผนังหลอดเลือดแดงในสมอง มักพบในผู้สูงอายุที่เส้นเลือดในสมองเสื่อมลงตามวัยและมีความดันโลหิตสูงโดยอาจเกิดขึ้นได้หลาย ๆ จุดพร้อมกันทำให้มีเลือดออกในสมองมาก
7 โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติแต่กำเนิดหรือโรคสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (Cerebral arteriovenous malformation: AVM) เป็นโรคซับซ้อนที่พบได้ยาก อันเกิดจากการเชื่อมกันที่ผิดปกติระหว่างหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำในสมอง โดยเรียกทางเชื่อมที่ผิดปกตินี้ว่า “รูปผิดปกติของหลอดเลือดเลือดแดงและดำ” (AVM) การฉีกขาดของหลอดเลือดที่เป็น AVM ทำให้เลือดออกในสมองได้
8 ภาวะเลือดออกผิดปกติ (Bleeding disorders) เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาละลายลิ่มเลือด (Anticoagulant medications) ในผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลทำให้เลือดออกง่าย
9 เนื้องอกในสมอง (Brain tumor) เนื้องอกขยายตัวกดทับเนื้อเยื่อในสมองทำให้มีเลือดออกในสมอง
10 การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก และการใช้ยาเสพติด เช่น โคเคน (Cocaine) ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดในสมองโป่งพอง เสื่อมสภาพ และทำให้มีเลือดออกในสมอง
11 ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรงและมีภาวะชัก (Eclampsia) เป็นการชักในสตรีมีครรภ์ทำให้มีอาการเกร็ง ชัก หมดสติ และมีทำให้มีเลือดออกในสมอง
12 ภาวะเลือดออกในโพรงสมอง (Neonatal intraventricular hemorrhage) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,500 กรัม เป็นภาวะที่มีเลือดออกในบริเวณรอบ ๆ โพรงช่องว่างในสมองซึ่งอาจทำให้พิการและเสียชีวิตได้
13 การก่อตัวที่ผิดปกติของคอลลาเจนในผนังหลอดเลือด (Abnormal collagen formation) จนทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฉีกขาดและมีเลือดออก
อาการของเลือดออกในสมอง เป็นอย่างไร?
อาการของเลือดออกในสมองขึ้นอยู่กับบริเวณที่เลือดออกภายในสมองและกะโหลกศีรษะ ทั้งนี้ อาการโดยทั่วไปของเลือดออกในสมองมีดังต่อไปนี้
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เลือดออกในสมอง?
เลือดออกในสมองเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ทันทีที่นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจประเมินอาการเพื่อวินิจฉัยโรคเลือดออกในสมอง เช่น การปวดศีรษะรุนแรง ร่างกายอ่อนแรงอย่างเฉียบพลัน มีอาการอัมพาตที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย มีอาการชักหรือป็นลมหมดสติ เป็นต้น โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วยวิธีการดังนี้
การประเมินร่างกายเบื้องต้นโดยแพทย์
ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่มีประวัติการได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อน แต่กลับเกิดภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง อ.นพ.สันติ สิลัยรัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช อธิบายในบทความเผยแพร่บนเว็บไซต์ Wongkarnpat.com ว่า ราวร้อยละ 80 มีสาเหตุมาจากการแตกของหลอดเลือดในสมองที่เกิดการโป่งพอง ส่วนสาเหตุอื่นๆ อาจมาจากการสร้างหลอดเลือดผิดปกติ หรือการอักเสบของหลอดเลือด เป็นต้น
วิธีการป้องกัน เลือดออกในสมอง
การป้องกันการกระแทก
โดยแนะนำให้สวมหมวกกันน็อกและคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่มีการขับขี่หรือเล่นกีฬาที่มีความเสี่ยงในการได้รับแรงกระแทก
การดูแลสุขภาพ
การปรับพฤติกรรม
ทั้งนี้ หากมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรใช้อย่างระมัดระวังเพื่อรักษาค่าเลือดให้เป็นปกติ และแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการใช้ยาทุกครั้งที่พบแพทย์