svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

เจาะ 13 สาเหตุ “เลือดออกในสมอง” อันตรายถึงชีวิต ภาวะนี้มีสัญญาณเตือนหรือไม่

ทำความเข้าใจ “ภาวะเลือดออกในสมอง“ คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร พร้อมเช็ก 9 อาการและสัญญาณเตือนให้รีบไปหาหมอโดยด่วน!!

วงการตลกร่วมอาลัยกับการจากไปของดาวอีกดวงอย่าง "เจมส์ เชิญยิ้ม" หลังเข้ารักษาอาการป่วยด้วย “ภาวะเลือดออกที่สมอง” และต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียูอยู่หลายวัน ก่อนจากไปอย่างสงบ โดยเรื่องราวสุขภาพที่น่าสนใจคือ “เลือดออกในสมอง” ภาวะที่อันตรายถึงชีวิตนี้คืออะไร และน่ากลัวแค่ไหน เรารวบรวมคำตอบมาให้แล้ว

เจาะ 13 สาเหตุ “เลือดออกในสมอง” อันตรายถึงชีวิต ภาวะนี้มีสัญญาณเตือนหรือไม่

เลือดออกในสมอง...รู้ทันลดอัตราการเสียชีวิต

เลือดออกในสมอง คืออะไร?

เลือดออกในสมอง (Intracerebral hemorrhage/Brain bleeds) คือภาวะที่หลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลออกไปกดเนื้อเยื่อสมอง ทำให้สมองขาดออกซิเจนและไม่สามารถทำหน้าที่ของสมองส่วนนั้นได้ ทำให้ “ภาวะเลือดออกในสมองเป็นอันตรายถึงชีวิต” และมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์โดยเร็วที่สุด

เลือดออกในสมอง มีสาเหตุมาจากอะไร?

สำหรับเลือดออกในสมอง มีสาเหตุจากหลากหลายปัจจัย ดังนี้

1 การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ (Head trauma) อันเนื่องมาจากการได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์ อุบัติเหตุทางกีฬา การถูกกระทำด้วยของแข็งที่ศีรษะ หรือการการสะดุดลื่นหกล้มศีรษะกระแทกพื้นอันเป็นเหตุให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน

2 ความดันโลหิตสูง (Hypertension) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานทำให้ผนังหลอดเลือดได้รับความเสียหายและทำให้เลือดออกในสมอง

3 หลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ไขมันเกาะจับเส้นโลหิต เกิดการสะสมของไขมันในหลอดเลือดแดง

4 ลิ่มเลือดอุดตัน (Blood clot) ในสมอง ซึ่งอาจเป็นลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นในสมองเองหรือมาจากส่วนอื่นในร่างกาย การอุดตันของลิ่มเลือดที่สมองทำให้หลอดเลือดแดงได้รับความเสียหายและอาจทำให้มีเลือดออกในสมองตามมา

5 ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral aneurysm) เกิดจากการเสื่อมสภาพของผนังหลอดเลือดบางส่วนทำให้เส้นเลือดโป่งพองและแตกออกจนเกิดการสะสมคั่งค้างของเลือดในสมองทำให้สมองบวม

6 ผนังหลอดเลือดในสมองเปราะ (Cerebral amyloid angiopathy) เกิดจากการสะสมและตกตะกอนของโปรตีนอะไมลอยด์ (Amyloid protein) ของผนังหลอดเลือดแดงในสมอง มักพบในผู้สูงอายุที่เส้นเลือดในสมองเสื่อมลงตามวัยและมีความดันโลหิตสูงโดยอาจเกิดขึ้นได้หลาย ๆ จุดพร้อมกันทำให้มีเลือดออกในสมองมาก

เจาะ 13 สาเหตุ “เลือดออกในสมอง” อันตรายถึงชีวิต ภาวะนี้มีสัญญาณเตือนหรือไม่

7 โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติแต่กำเนิดหรือโรคสมองผิดปกติเอวีเอ็ม (Cerebral arteriovenous malformation: AVM) เป็นโรคซับซ้อนที่พบได้ยาก อันเกิดจากการเชื่อมกันที่ผิดปกติระหว่างหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำในสมอง โดยเรียกทางเชื่อมที่ผิดปกตินี้ว่า “รูปผิดปกติของหลอดเลือดเลือดแดงและดำ” (AVM) การฉีกขาดของหลอดเลือดที่เป็น AVM ทำให้เลือดออกในสมองได้

8 ภาวะเลือดออกผิดปกติ (Bleeding disorders) เช่น โรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) ภาวะเกร็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) หรือมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดหรือยาละลายลิ่มเลือด (Anticoagulant medications) ในผู้ป่วยโรคหัวใจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลทำให้เลือดออกง่าย

9 เนื้องอกในสมอง (Brain tumor) เนื้องอกขยายตัวกดทับเนื้อเยื่อในสมองทำให้มีเลือดออกในสมอง

10 การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก และการใช้ยาเสพติด เช่น โคเคน (Cocaine) ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นเลือดในสมองโป่งพอง เสื่อมสภาพ และทำให้มีเลือดออกในสมอง

11 ภาวะครรภ์เป็นพิษรุนแรงและมีภาวะชัก (Eclampsia) เป็นการชักในสตรีมีครรภ์ทำให้มีอาการเกร็ง ชัก หมดสติ และมีทำให้มีเลือดออกในสมอง

12 ภาวะเลือดออกในโพรงสมอง (Neonatal intraventricular hemorrhage) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในทารกแรกเกิดก่อนกำหนดและมีน้ำหนักตัวน้อยกว่า 1,500 กรัม เป็นภาวะที่มีเลือดออกในบริเวณรอบ ๆ โพรงช่องว่างในสมองซึ่งอาจทำให้พิการและเสียชีวิตได้

13 การก่อตัวที่ผิดปกติของคอลลาเจนในผนังหลอดเลือด (Abnormal collagen formation) จนทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดฉีกขาดและมีเลือดออก

เจาะ 13 สาเหตุ “เลือดออกในสมอง” อันตรายถึงชีวิต ภาวะนี้มีสัญญาณเตือนหรือไม่
อาการของเลือดออกในสมอง เป็นอย่างไร?

อาการของเลือดออกในสมองขึ้นอยู่กับบริเวณที่เลือดออกภายในสมองและกะโหลกศีรษะ ทั้งนี้ อาการโดยทั่วไปของเลือดออกในสมองมีดังต่อไปนี้

  • ปวดหัวรุนแรงอย่างเฉียบพลัน (Thunderclap) เป็นอาการแสดงของของภาวะเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง (Subarachnoid hemorrhage) รู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
  • รู้สึกเจ็บแปลบคล้ายเข็มทิ่มตำ อ่อนแรง เหน็บชา หรือเป็นอัมพาตที่ด้านใดด้านหนึ่งของใบหน้า แขนหรือขา
  • คอแข็งเกร็ง มีภาวะกลืนลำบาก หายใจลำบาก
  • ตาพร่ามัว มีปัญหาในการมองเห็น ตาไม่สู้แสง การตอบสนองต่อรูม่านตาทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน
  • สูญเสียการทรงตัว ระบบประสาทการสั่งการและการประสานงานของร่างกายบกพร่อง
  • ภาวะบกพร่องทางการสื่อสาร (Aphasia) พูดไม่รู้เรื่อง พูดไม่ชัดลิ้นแข็ง ไม่สามารถสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจ ไม่สามารถเขียนหรืออ่านหนังสือได้
  • รู้สึกสับสน สูญเสียระดับความตื่นตัว ไม่มีชีวิตชีวา ง่วงซึม หรือมีสภาพไม่รู้สึกตัว
  • มีอัตราการเต้นหัวใจผิดปกติ (กรณีเลือดออกอยู่ที่บริเวณก้านสมอง)
  • อาจมีอาการชัก


เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เลือดออกในสมอง?

เลือดออกในสมองเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ทันทีที่นำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจประเมินอาการเพื่อวินิจฉัยโรคเลือดออกในสมอง เช่น การปวดศีรษะรุนแรง ร่างกายอ่อนแรงอย่างเฉียบพลัน มีอาการอัมพาตที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย มีอาการชักหรือป็นลมหมดสติ เป็นต้น โดยแพทย์จะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดด้วยวิธีการดังนี้

การประเมินร่างกายเบื้องต้นโดยแพทย์

  • การเอกซเรย์ CT scan เพื่อให้เห็นตำแหน่งเลือดออกในสมองหรือบริเวณที่สมองได้รับความเสียหาย ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคและแยกโรคเพื่อเป็นแนวทางในการหาสาเหตุของภาวะเลือดออกในสมอง
  • การทำ MRI Scan หรือ การตรวจหลอดเลือดโดยใช้เครื่องถ่ายภาพสนามแม่เหล็ก ซึ่งเป็นการตรวจเพื่อหาความผิดปกติของหลอดเลือดสมอง โดยการทดสอบจะระบุตำแหน่ง ขอบเขต และอาจรวมถึงระบุสาเหตุของเลือดออกในสมอง
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง EEG (Electroencephalography) เพื่อตรวจการทำงานของเซลล์ประสาทสมองในผู้ที่ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือวินิจฉัยโรคลมชัก (Epilepsy)
  • การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด CBC (Complete blood count)
  • การเจาะน้ำไขสันหลัง (Spinal tap test) เพื่อตรวจสอบภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง (Hydrocephalus)
  • การตรวจสอบภาวะเส้นเลือดแดงโป่งพอง (Aneurysm) หรือตรวจภาวะหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำผิดรูป (Arteriovenous malformations)

ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่มีประวัติการได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะมาก่อน แต่กลับเกิดภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง อ.นพ.สันติ สิลัยรัตน์ คณะแพทย์ศาสตร์ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช อธิบายในบทความเผยแพร่บนเว็บไซต์ Wongkarnpat.com ว่า ราวร้อยละ 80 มีสาเหตุมาจากการแตกของหลอดเลือดในสมองที่เกิดการโป่งพอง ส่วนสาเหตุอื่นๆ อาจมาจากการสร้างหลอดเลือดผิดปกติ หรือการอักเสบของหลอดเลือด เป็นต้น  


วิธีการป้องกัน เลือดออกในสมอง

การป้องกันการกระแทก

โดยแนะนำให้สวมหมวกกันน็อกและคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งที่มีการขับขี่หรือเล่นกีฬาที่มีความเสี่ยงในการได้รับแรงกระแทก

การดูแลสุขภาพ

  • รักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ
  • ลดระดับคอเลสเตอรอล ลดน้ำหนักส่วนเกิน เพื่อป้องกันไขมันในเลือดสูง
  • ทานอาหารที่มีประโยชน์
  • หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติเพื่อป้องกันโรคเบาหวาน
  • ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปีเพื่อป้องกันภาวะผิดปกติอันอาจนำไปสู่ภาวะเลือดออกในสมองได้

การปรับพฤติกรรม

  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หยุดสูบบุหรี่ และไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด
  • ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียด

ทั้งนี้ หากมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรใช้อย่างระมัดระวังเพื่อรักษาค่าเลือดให้เป็นปกติ และแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติการใช้ยาทุกครั้งที่พบแพทย์