
“ต่อมลูกหมาก” เป็นหนึ่งในอวัยวะของระบบสืบพันธุ์เพศชายที่อยู่ใต้กระเพาะปัสสาวะ ล้อมท่อปัสสาวะส่วนต้น มีหน้าที่ในการผลิตของเหลว สารหล่อลื่น และผลิตอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงเชื้ออสุจิ มีความแข็งแรง มีขนาดเท่าผลลิ้นจี่ ถ้าหากบริเวณต่อมลูกหมากมีการทำงานผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่อระบบการปัสสาวะโดยตรง และบั่นทอนสุขภาพรวมถึงการใช้ชีวิต หากมีอาการลุกขึ้นถ่ายปัสสาวะกลางดึกมากกว่า 2 ครั้ง ปัสสาวะไม่พุ่ง เป็นลำ ไหลช้า หรือไหลๆ หยุดๆ เกิดความรู้สึกว่าการขับถ่ายปัสสาวะเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ จะต้องรีบเข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดปัสสาวะ นี่อาจเป็นความเสี่ยงเกิดโรค ต่อมลูกหมากโต
โดยทางแพทย์ผู้ชำนาญการด้านระบบทางเดินปัสสาวะ นายแพทย์สรรชัย วิโรจน์แสงทอง พร้อมทีมแพทย์จากโรงพยาบาลบีเอ็นเอช มาร่วมให้ความรู้พร้อมแนะแนวทางการรักษาก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายได้
นายแพทย์สรรชัย วิโรจน์แสงทอง กล่าวถึงวิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตนี้ว่า “คือโรคที่ต่อมลูกหมากโตขึ้น แล้วมีการบีบรัดทางเดินปัสสาวะทำให้ผู้ป่วยมีอาการ ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะไม่สุด ปวดปัสสาวะบ่อย คุณภาพการนอนหลับไม่ดี เพราะต้องลุกขึ้นมาปัสสาวะกลางดึกบ่อย อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคต่อมลูกหมากโตได้ คนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นกับผู้ชายวัย 50 ปีขึ้นไป และจะพบมากถึง 90% ที่มีอายุ 60 – 90 ปี ในสมัยก่อนจะใช้การรักษา 2 วิธี คือ แบบทานยา ที่ผู้ป่วยต้องทานยาตลอดเพื่อใช้รักษาตามอาการที่เป็นอยู่ และ แบบผ่าตัด คือการส่องกล้องเข้าไปคว้านต่อมลูกหมาก ซึ่งทั้งสองแบบนี้จะมีผลข้างเคียงตามมาที่แตกต่างกัน อย่างการผ่าตัดอาจจะมีผลต่อการหลั่งน้ำอสุจิของคุณผู้ชายและทำให้สูญเสียสมรรถภาพทางเพศ จึงทำให้หลายคนไม่กล้าที่จะเข้ามารับการรักษา
แต่ในปัจจุบันมี นวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาใช้รักษาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วยด้วย 2 เทคนิค ได้แก่
2. iTind คือการรักษาต่อมลูกหมากแบบไม่ต้องผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างภายใน โดยนำอุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า iTind เข้าไปถ่างขยายบริเวณรูท่อปัสสาวะในต่อมลูกหมากให้กว้างขึ้น โดยอุปกรณ์นี้จะวางไว้ชั่วคราว 5-7 วัน ซึ่งจะมีเชือกติดอยู่ในอวัยวะเพศห้ามดึงออกเด็ดขาดจนกว่าจะครบกำหนด ในการปรับโครงสร้างจะคงอยู่ต่อไปแม้ว่าจะเอาตัวอุปกรณ์ออกแล้วก็ตาม ผู้ป่วยจะไม่มีแผล ไม่เจ็บ ไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล สามารถกลับบ้านได้ แต่วิธีการรักษาแบบ iTind เหมาะสำหรับคนที่ต่อมลูกหมากยังโตไม่มาก ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละท่านด้วย
2. Rezum คือวิธีการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดโดยใช้ไอน้ำบริสุทธิ์ อุณหภูมิสูงประมาณ 103 องศาเซลเซียส วิธีคล้าย ๆ กับการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยส่องกล้องเข้าไปแล้วใช้ไอน้ำผ่านเข็มเล็ก ๆ ฉีดเข้าไปในเนื้อต่อมลูกหมาก หลังฉีดเข้าไปในระยะยาวเซลล์จะถูกทำลายด้วยความร้อน ตายและลดขนาดลง ทำให้ทางเดินปัสสาวะเปิดกว้างขึ้นคนไข้สามารถใช้ชีวิตเป็นปกติ หลังผ่าตัดจะไม่มีอาการข้างเคียง และไม่ต้องรับประทานยาหลังผ่าตัดสามารถกลับบ้านได้ทันทีไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดเรื่องการผ่าตัด
ข้อดีของการรักษาด้วย iTind และ Rezum คือ ขั้นตอนการรักษาที่ง่ายและรวดเร็วโดยใช้เวลาเพียง 10-15 นาที ซึ่งเป็นแนวทาง Minimally Invasive Treatment หรือการผ่าตัดเล็กทำให้เสียเลือดน้อย และไม่จำเป็นต้องใช้ยาสลบ แต่จะเป็นการให้ยานอนหลับชนิดอ่อนโดยทีมแพทย์วิสัญญี เพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย รวมถึงไม่มีผลกระทบกับสมรรถภาพของผู้ชายในการหลั่งน้ำอสุจิ ถ้าเทียบกับการผ่าตัดแบบเดิม ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยที่มีอายุและมีข้อจำกัดเสี่ยงในการผ่าตัดใหญ่
นอกจากนี้ผู้ป่วยจะ ปัสสาวะสะดวกขึ้น หลังทำแล้วสำเร็จมากกว่า 95% แต่บางรายอาจมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ 4.4% ทั้งนี้ในการรักษาทีมแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน เพื่อให้ได้รับการรักษามีประสิทธิภาพมากที่สุด ปัจจุบันการรักษาทั้ง iTind และ Rezum นิยมทำกันมากในแถบยุโรป แคนาดา อเมริกา โดยที่นำ 2 เทคนิคนี้มาใช้ในการรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด ผมอยากให้คุณผู้ชายที่มีอาการเรื่องปัสสาวะบ่อยหรือลำบาก มาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงได้คัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมากไปในตัวด้วย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและยืนยาวครับ” นายแพทย์สรรชัย สรุป
นอกจากนี้ คุณหมู-ดิลก ทองวัฒนา นักแสดงรุ่นเก๋าในวัย 67 ปี ที่ยังดูหนุ่มอยู่เสมอ มาเผยเคล็ดลับการดูแลสุขภาพว่า “สำหรับผมด้วยอายุที่มากขึ้น การดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ ผมมักจะออกกำลังกาย เลือกกินอาหารที่เหมาะสมกับวัย ปกติผมจะตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี แต่เมื่อ 1-2 เดือนก่อนมีอาการปัสสาวะไม่สุด ลุกเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อยๆ เลยไปปรึกษากับ นพ.สรรชัย เพื่อเช็คอาการเบื้องต้นว่าเข้าข่ายจะเป็นโรคต่อมลูกหมากโตหรือเปล่า ซึ่งได้รับคำแนะนำจากคุณหมอที่อธิบายให้เข้าใจง่ายทั้งเรื่องของสาเหตุ และขั้นตอนดูแลเบื้องต้นบอกเลยว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด อยากให้คุณผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป สังเกตอาการตัวเองถ้ามีอาการที่ผิดปกติหรือเข้าข่ายเบื้องต้นอย่ารอให้เป็นหนัก รีบมาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสำหรับผู้ชายดีกว่าครับ คุณจะได้คำแนะนำดีๆ กลับไปแน่นอน”