“น้ำตาลในเลือดต่ำ” คำที่หลายคนคิดว่าไม่ต้องกังวลเพราะไม่ได้เป็น “โรคเบาหวาน” แต่ความจริง “ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ” เป็นได้ไม่เลือกเพศ! ไม่เลือกวัย! และไม่เลือกโรค!
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) หรือภาวะกลูโคสในเลือดต่ำ (Low Blood Glucose) เกิดขึ้นเมื่อระดับกลูโคสในเลือดลดลงต่ำกว่า 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในคนปกติ หรือต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดชิลิตรในกรณีของผู้ป่วยเบาหวาน โดยสาเหตุภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นสูงกับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยาลดน้ำตาลหรือฉีดอินซูลินมากกว่าในคนปกติ
อาการของน้ำตาลในเลือดต่ำ บางครั้งอาจเกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ เช่น ฝันร้าย ร้องไห้ขณะหลับ เหงื่อออกมาก รวมถึงรู้สึกเหนื่อย หงุดหงิด หรือสับสนหลังจากตื่นนอน
อาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตั้งแต่ไม่รู้สึกถึงอาการใดๆ ไปจนถึงขั้นรุนแรง จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงเป็นอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษาทันที ซึ่งพบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1
อาการเล็กน้อยถึงปานกลาง (ควรสังเกต)
อาการรุนแรง (อันตายมาก)
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำแบ่งออกเป็นได้ 2 ประเภท นั่นคือ ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังรับประทานอาหาร และภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากการอดอาหาร
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังรับประทานอาหาร มักเกิดขึ้น 2-4 ชั่วโมงหลังรับประทานคาร์โบไฮเดรตที่มีโมเลกุลเชิงเดี่ยว (Simple carbohydrate) ซึ่งสามารถแตกตัวและดูดซึมเป็นน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว เช่น ข้าวขาว มันฝรั่ง เค้ก และขนมเบเกอรี่
การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะการผ่าตัดแบบบายพาสที่ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้เร็ว จนทำให้ร่างกายผลิตอินซูลินมากเกินไปและเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในเวลาต่อมา
การบริโภคคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ เมื่อร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรต ระบบย่อยอาหารจะย่อยน้ำตาลและแป้งให้กลายเป็นน้ำตาลกลูโคส จากนั้นกลูโคสจะเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หากบริโภคคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอระดับน้ำตาลในเลือดอาจลดลงต่ำเกินไป
การอดอาหาร โดยปกติร่างกายของคนเรามีน้ำตาลสะสมไว้อยู่แล้ว การอดอาหารจึงไม่ได้สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำลงโดยตรง แต่การอดอาหารร่วมกับสถานการณ์บางอย่างอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากการอดอาหารได้
การดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง แอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อท้องว่าง ทั้งนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้ไม่รู้สึกถึงอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงได้
อาการเจ็บป่วยรุนแรง การเจ็บป่วยรุนแรง เช่น โรคตับระยะสุดท้าย ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ไตวายจะทำให้ร่างกายใช้กลูโคสที่สะสมไว้หมดเร็วเกินกว่าที่ร่างกายจะผลิตใหม่ได้ทัน
โรคต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง ต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง จะส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลได้ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจากเนื้องอก Non-islet cell (NICTH) น้ำตาลในเลือดต่ำจากเนื้องอก ซึ่งเนื้องอกจะผลิตฮอร์โมน IGF-2 ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายกับอินซูลิน ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
เนื้องอกของตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน เนื้องอกของตับอ่อนที่สร้างอินซูลิน เป็นเนื้องอกในตับอ่อนที่ผลิตอินซูลินออกมามากเกินไป จนทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในช่วงเช้าตรู่
การใช้ยาบางอย่าง เช่น ยาเบตาบล็อกเกอร์ ยาปฏิชีวนะบางชนิดอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
เหตุการณ์เหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้
การป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด สามารถช่วยวางแผนการรับประทานอาหารและออกกำลังกายให้เหมาะสม ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจสอบตัวเองด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาลในเลือดให้บ่อยเท่าที่แพทย์แนะนำ กรณีผู้ป่วยที่เคยเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำโดยไม่รู้ตัว มีความจำเป็นต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานในที่สูงหรือก่อนขับรถ
รับประทานอาหารและของว่างตามปกติ แผนการรับประทานอาหารเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ รับประทานอาหารและของว่างเป็นประจำด้วยปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมเพื่อช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง
ออกกำลังกายอย่างปลอดภัย การออกกำลังกายสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ทั้งขณะออกกำลังกายและหลังออกกำลังกายไปแล้วหลายชั่วโมง ดังนั้นเพื่อช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยเบาหวานควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลังกาย
ปรึกษาแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยา ปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ควรได้รับในแต่ละวัน รวมถึงวางแผนการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
หากรู้สึกว่ามีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดทันที เมื่อพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ให้รับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัมทันที เช่น
** เลือกทานอย่างใดอย่างหนึ่ง
โดยปกติอาการมักดีขึ้นภายใน 20 นาที หลังได้รับอาหารในปริมาณดังกล่าว แล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง หากระดับกลูโคสยังอยู่ในระดับต่ำให้เพิ่มคาร์โบไฮเดรตอีก 15 กรัม แล้วตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้งหลังจาก 15 นาที ทำซ้ำขั้นตอนเหล่านี้จนกว่าระดับกลูโคสจะกลับมาเป็นปกติ
ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องรับประทานอาหารล่าช้ากว่าปกติมากกว่า 1 ชั่วโมง ควรหาของว่างรองท้องด้วยแครกเกอร์หรือผลไม้ เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือด
นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่พบภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำบ่อยๆ หรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างรุนแรงควรสวมสร้อยข้อมือหรือจี้เพื่อบอกว่าผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานและต้องได้รับการดูแลทันที รวมถึงยังเป็นการส่งสัญญาณบอกอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นสำหรับแพทย์ที่ทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว การได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วทันท่วงทีสามารถช่วยป้องกันปัญหาร้ายแรงที่อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้